นายชวลิต วิชยสุทธิ์ กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ในสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่แล้ว กมธ.กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ได้ทำการศึกษา เรื่องแนวทางสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ เพื่อการพัฒนา สร้างสันติสุขและประชาธิปไตยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนได้ข้อสังเกต ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้บรรจุระเบียบวาระการประชุมที่ 4.13 แต่การพิจารณาไปไม่ถึง หมดสมัยประชุมเสียก่อน
[ การเมืองนำการทหาร หัวใจของการแก้ปัญหา ]
หัวใจสำคัญของรายงานฉบับดังกล่าวมีหลักคิดสำคัญ 2 ประการ คือ
1. ให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องน้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทานของในหลวง ร.9 คือ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มาปฏิบัติอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่พูดให้สวยหรู ดูดี แต่ทางปฏิบัติวางไว้บนหิ้งบูชาเท่านั้น
2. ให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องนำนโยบาย “การเมืองนำการทหาร” ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 66/2523 มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งนโยบายการเมืองนำการทหารตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว ในอดีตสามารถยุติความขัดแย้งในบ้านเมืองมาได้ ซึ่งความขัดแย้งนั้นใหญ่กว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายเท่า ยังยุติลงได้ จึงสมควรนำมาประยุกต์ใช้เพื่อคลี่คลายสถานการณ์
[ บูรณาการด้านข้อมูลเพื่อให้การศึกษารอบด้าน ]
ในรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการ ฯ ยังนำการศึกษาของสถาบันพระปกเกล้ามาต่อยอดในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ด้วย ตนจึงขอเรียกร้องมายัง รัฐบาล กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กอ.รมน. ศอบต. และทภ.4 ได้ขอรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ไปศึกษา แล้วนำไปใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหา
[ ฝาก กมธ.กฎหมายฯชุดใหม่ เสนอสภาฯเพื่อแก้ปัญหา3จังหวัดชายแดนใต้ได้ทันที ]
ขณะเดียวกัน ขอให้รัฐบาลและประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฏร นำรายงานของคณะกรรมาธิการฯ ชุดที่ผ่านมา เสนอประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดปัจจุบัน เพื่อพิจารณา ก็จะเป็นประโยชน์ ทันต่อสถานการณ์ การแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน
[ ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากเห็นบ้านของตนลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน ]
ตนมีความเชื่อโดยสุจริตใจว่า “ทุกคนที่เกิดมาบนผืนแผ่นดินนี้ อยากเห็นบ้านที่ตนเกิดและอาศัย ร่มเย็น เป็นสุข ไม่มีใครอยากเห็นบ้านตนเองเดือดร้อน ลุกเป็นไฟ ทำมาหากินไม่ได้ ส่งผลให้อดอยาก ยากจน” เพียงแต่บ้านเมืองต้องเป็นประชาธิปไตยและเป็นธรรม เคารพในอัตลักษณ์และวัฒนธรรมอย่างเท่าเทียมกัน สันติสุข และสันติภาพก็จะเกิดขึ้น