นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อและเลขาธิการ พรรคไทยสร้างไทย มองว่า พระราชกำหนดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร พ.ศ. 2566 ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี โดยมีใจความว่า ทุกวันนี้ประเทศไทยเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทุกคนใช้มือถือในการจับจ่ายจนติดอันดับ 5 ของโลก แต่ทุกวันนี้การใช้บริการซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น โครงการคนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน หรือแอปพลิเคชั่นอื่นๆ ต้องผ่านระบบโอทีที (Over-The-Top: OTT)
ซึ่งทุกการใช้จ่ายออนไลน์จะต้องโอนเงินออกไปนอกประเทศก่อนแล้วจึงค่อยโอนกลับเข้ามาที่ประเทศไทย โดยจะมีการหักค่าบริการไป 15-20% ซึ่งเป็นเงินที่ประเทศไทยต้องเสียออกไปให้ผู้ให้บริการต่างชาติ แม้ประเทศไทยจะมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากรายได้ผ่านยูทูบและเฟซบุ๊ก แต่ก็ภาระการเสียภาษีของคนไทย ซึ่งผู้ให้บริการจากต่างชาติก็ยังไม่ได้เสียภาษีโอทีทีในส่วนนี้เช่นกัน
ทั้งนี้ นายฐากร เสนอว่า กฎหมายฉบับนี้น่าจะบังคับใช้ทั้งกับผู้ให้บริการในประเทศและผู้ให้บริการต่างชาติที่สร้างรายได้จากการให้บริการโอทีทีในไทยด้วย เพื่อให้ประเทศไทยไม่สูญเสียรายได้ออกไปให้ต่างประเทศโดยไม่มีการเก็บภาษี
จึงขอสอบถาม ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเกี่ยวกับพระราชกำหนดเรื่องภาษีที่ให้ความร่วมมือกับต่างประเทศนั้น ในกรณีนี้ประเทศไทยจะได้รับความร่วมมือในการจัดเก็บภาษีของโอทีทีเช่น Facebook YouTube Shopee Lazada เป็นต้นได้หรือไม่ โดยไม่ผลักภาระให้กับประชาชนคนไทย ซึ่งหากเราออกพระราชกำหนดนี้แล้วต่างประเทศจะให้ความร่วมมือเราในเรื่องดังกล่าวนี้ด้วยหรือไม่ ถ้าให้ความร่วมมือจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยอย่างมากมายมหาศาลเราจะมีรายได้เกิดขึ้นอีกอย่างมาก