ประเทศไทยมี #หนี้ครัวเรือน ในไตรมาสแรกของปี 2566 มีจำนวนกว่า 16 ล้านล้านบาท หรือกว่า 90.6% ของ GDP
โดยหากแยกเป็นประเภทสินเชื่อจะเป็น
สินเชื่อบ้านประมาณ 34%
สินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพ
สินเช่่อเพื่อการศึกษาประมาณ 28%
สินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต 27%
ซึ่งก้อนนี้เมื่อเทียบกับประเทศรอบข้าง เช่น มาเลเซียอยู่ในระดับ 14.3% จีน 12% และสิงคโปร์เพียง 2%
[หนี้ครัวเรือนสูงทำเศรษฐกิจประเทศถอดถอย!]
การที่มีหนี้ครัวเรือนสูงขนาดนี้มีโอกาสที่จะชะลอการบริโภคในประเทศลง โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายของปีที่มักจะเป็นช่วงที่มีการจับจ่ายค่อนข้างสูงจึงนับว่าน่าเป็นห่วงมาก เพราะหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่องนี้จะเป็นระเบิดเวลาที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวและเติบโตต่ำในท้ายที่สุด
[ทางออกแก้หนี้!]
สุพันธุ์ มงคลสุธี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย เคยทำนายไว้เมื่อปี 2564 ว่าหนี้ครัวเรือนจะเป็นปัญหาที่สุดในทางเศรษฐกิจ และเคยเสนอว่าธนาคารแห่งประเทศไทยต้องหยุดการขึ้นดอกเบี้ย เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้จ่ายและชำระหนี้ได้ และรัฐบาลจำเป็นที่จะต้องหาทางในการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน โดยไม่ได้คำนึงถึงเพียงแค่การเพิ่ม GDP ภาพรวมแต่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องเพิ่ม GDP ในสัดส่วน SMEs ให้เพิ่มขึ้นด้วย
รวมทั้งต้องมีการกระจายรายได้ให้มากขึ้น แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง
หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย