[รู้จักไหมสวัสดิการถ้วนหน้า? ถ้า รบ.ถังแตกควรตัดงบกองทัพ ไม่ใช่เบี้ยผู้สูงอายุ]

ข่าวสาร

ณิชชา บุญลือ รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย แสดงความเห็นหลัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลรักษาการ ย้อนถามว่า คนรวยต้องได้เบี้ยผู้งสูงอายุไหม? พล.อ.อนุพงษ์ได้เงินบำนาญเดือนละ 60,000 บาท หรือคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ต้องได้รับเบี้ยผู้สูงอายุหรือไม่? กรณีระเบียบกระทรวงมหาดไทย เปลี่ยนหลักเกณฑ์จ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุเป็น “เป็นผู้ไม่มีรายได้หรือรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติตามที่กฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด”

ตามขั้นตอนแล้วการรับเงินเบี้ยผู้สูงอายุต้องมีการยืนยันสิทธิ เป็นไปตามแนวคิดของหลักสวัสดิการถ้วนหน้าว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน แต่ถ้าใครที่มีรายได้มากและไม่มีความจำเป็นต้องรับเบี้ยผู้สูงอายุก็ไม่ต้องขึ้นทะเบียนยืนยันเพื่อรับสิทธิ ลดภาระการคลังของรัฐ แต่ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยที่แก้ไขใหม่ระบบรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าจะถอยหลังลงคลองไปเป็นระบบรัฐสงเคราะห์ที่ผู้สูงอายุต้องเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ความจน ซึ่งจะยิ่งทำให้มีผู้สูงอายุตกหล่นไม่ได้รับสิทธิอีกจำนวนมาก เช่นเดียวกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และเงินอุดหนุนเด็กที่ทำให้มีครอบครัวที่ยากจนแต่เข้าไม่ถึงสิทธินี้กว่า 30% การแก้ไขระเบียบจึงไม่สอดคล้องกับการพยายามลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ตามหลักตามระเบียบฉบับเดิมเมื่อปี 2552 พล.อ.อนุพงษ์ เป็นผู้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐอยู่แล้ว แต่แม้ว่าในระเบียบปี 2556 นี้จะไม่มีข้อความนี้บัญญัติอยู่ แต่ก็ต้องรู้ได้โดยจิตสำนึกว่าหากตัวเองมีบำนาญถึง 60,000 บาทก็ไม่ควรขึ้นทะเบียนยืนยันรับสิทธิ ซึ่งแน่นอนว่าคุณหญิงสุดารัตน์ไม่ได้ยืนยันเพื่อรับสิทธิเช่นกัน น.ส.ณัชชา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นวิธีคิดของสังคมที่พัฒนาแล้วที่ทุกคนต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน รัฐบาลจะไม่ทำตัวเป็นคุณพ่อรู้ดีไปตัดสิทธิประชาชน เพราะกลัวคนรวยจะไปขอรับสิทธิใช้งบประมาณของรัฐด้วย ทั้งที่พวกเขาก็เสียภาษีเช่นกันก็ต้องช่วยกันรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ใช่ไปคิดแทนเขา สร้างกติกาให้รับสวัสดิการยุ่งยากจนคนอื่นที่ต้องการสิทธิตกสำรวจ

[ตัดงบฟุ่มเฟือย เช่น งบทหารฯ ไม่ใช่ตัดเบี้ยผู้สูงอายุ]

หากรัฐบาลหาเงินไม่เป็นจนรัฐขาดสภาพคล่อง แนะนำให้ไปตัดลดงบประมาณที่ฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็น เช่น งบประมาณกระทรวงกลาโหมที่พุ่งสูงไปถึง 1.97 แสนล้านบาท ทั้งที่ภัยคุกคามของโลกยุคใหม่ คือ เรื่องสุขภาพและสังคมผู้สูงวัย ไม่ใช่การรบกันทางทหารเหมือนอดีต หรือเราสามารถไปตรวจสอบการใช้งบประมาณอื่นๆ ให้มีประสิทธิภาพ เช่น การจัดซื้อไม้ล้างป่าช้า GT200 ที่ผลาญงบประเทศไปหลายสิบล้านบาท หรือการจัดซื้อเรือเหาะที่แทบไม่ได้ใช้งาน แต่ผลาญงบประมาณไปหลายร้อยล้านบาท

“น่าเสียดายที่รัฐบาลชุดนี้ไม่มีความเข้าใจเรื่องหลักสวัสดิการถ้วนหน้า แต่ทำตัวเป็นคุณพ่อรู้ดี สถาปนาความเป็นรัฐสงเคราะห์ บังคับให้ประชาชนต้องพิสูจน์ความจน ลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ ทั้งที่ทุกคนเป็นผู้เสียภาษีไม่ทางตรงก็ทางอ้อม แต่ถ้ารัฐบาลถังแตก ก็แนะนำให้ตัดงบประมาณที่สิ้นเปลืองเช่นงบกองทัพ หรือป้องกันคอร์รัปชัน ไม่ใช่มาตัดงบผู้สูงอายุบนความเหลื่อมล้ำของประเทศขณะนี้”

ร่วมแบ่งปันนโยบาย:

Facebook
Twitter

ข่าวสารน่าสนใจอื่น ๆ

ข่าวสาร
โฆษกไทยสร้างไทย ไม่เชื่อ นโยบายรัฐบาล "อุ๊งอิ๊ง" พลิกเศรษฐกิจของป...
ข่าวสาร
โฆษกไทยสร้างไทย เชื่อนายกใหม่น่วม เดินการเมืองเลอะเทอะ ต้องเจอศึก...
ข่าวสาร
"ชวลิต ทสท." ฟันธง คนไทยไม่ได้ใช้ รธน.ใหม่ กติกาใหม่ในการเลือกตั้...
ข่าวสาร
โฆษกไทยสร้างไทย ไม่เชื่อ นโยบายรัฐบาล "อุ๊...
ข่าวสาร
โฆษกไทยสร้างไทย เชื่อนายกใหม่น่วม เดินการเ...
ข่าวสาร
"ชวลิต ทสท." ฟันธง คนไทยไม่ได้ใช้ รธน.ใหม่...
ข่าวสาร
"ไทยสร้างไทย" หนุน ข้อเรียกร้อง "สหภาพแรงง...
ติดตามทางโซเชียลมีเดีย