ทุกคนคงจำเหตุการณ์ได้ดีสำหรับคืนรัฐประหาร19 กันยายน 2549 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่เดินทางมากว่า17ปี ซึ่งหลายคนก็อาจจะเด็กเกินกว่าจะรับรู้ หลายคนก็ติดตามเหตุการณ์ผ่านหน้าจอทีวี วันนี้ทางทีมงานได้สัมภาษณ์คุณหญิงสุดารัตน์ถึงเหตุการณ์ในวันนั้น และจะพาย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ในอีกมุมมองหนึ่งว่าคนไทยสูญเสียอะไรบ้างให้กับการรัฐประหารในครั้งนั้นในทุกมิติ
[ ในวันนั้นรัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง? ]
ในวันที่รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 หรือ 17 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นวันที่ พลเอกสนธิบุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้นตัดสินใจยึดอำนาจทำรัฐประหาร รัฐบาลไทยรักไทย ซึ่งนายกทักษิณกำลังเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติหรือ UN ที่สหรัฐอเมริกา ส่วนตัวในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำทีมเดินทางไปขายสินค้าเกษตรที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อ ฉลองความสัมพันธ์ไทยฝรั่งเศส ในขณะนั้นตนได้ทำหน้าที่เป็น เซลล์แมนขายสินค้าให้ เกษตรกร ทำนโยบายศูนย์กระจาย สินค้าเกษตรไทย ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา
[ ได้ทราบกันมาก่อนไหมครับว่าจะเกิดรัฐประหารขึ้น? ]
ตนได้ทราบว่าจะมีการรัฐประหารเมื่อคืนวันที่ 18 กันยายน เวลาประมาณ 03.00น.ของประเทศไทย จากผู้ใหญ่ที่เชื่อถือได้คนหนึ่งซึ่งได้โทรมาบอกจากกาญจนบุรี ว่ารถถังได้เคลื่อนออกจากกาญจนบุรีแล้ว ซึ่งสุดท้ายก็มีการรัฐประหารเกิดขึ้นจริงๆ
[ คิดว่ารัฐประหารครั้งนั้นทิ้งบาดแผลอะไรไว้ให้คนไทย? ]
จากการรัฐประหารครั้งนั้นได้ก่อให้เกิดบาดแผลต่อประชาชนชาวไทยและต่อประเทศชาติมากมาย มีการสร้างวาทะกรรมทำให้เกิดการเกลียดชัง และประชาชนแตกแยกออกเป็นฝ่ายเสื้อเหลือง เสื้อแดง จนเกิดการต่อสู้ มีการปราบปราม ทั้งเสื้อเหลืองเสื้อแดงบาดเจ็บล้มตาย และสูญสิ้นอิสรภาพ จำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการรัฐประหาร ปี 2549 ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันทุกด้าน จากผู้นำอาเซียนจนกลายเป็น คนป่วยแห่งอาเซียนหลังลำดับท้าย ในอาเซียนทุกด้าน 17 ปีที่หายไปประเทศไทยและคนไทย สูญเสียโอกาสและอนาคตไปมากมาย
[ ในวันนี้ที่คู่ขัดแย้งในวันนั้นหันมาจับมือกันประเทศจะมีความขัดแย้งอยู่หรือไม่? ]
วันนี้ก็อย่างที่เราเห็นคู่ขัดแย้งได้กลับมาจับมือปรองดอง จัดตั้งรัฐบาลร่วมกันแล้ว ซึ่งอาจมีทั้งคนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยโดนกล่าวหาว่าตระบัดสัตย์ก็ตาม แต่ตนเห็นว่าเป็นเวลาที่ผู้ที่ได้อำนาจจากความสูญเสียของประชาชนตลอด 17 ปี เป็นเวลาที่ผู้ได้อำนาจต้องพิสูจน์ตัวเองว่าทำเพื่อประชาชนจริงๆ อย่างที่ได้พร่ำบอก หรือเป็นการทำเพื่อพวกพ้องของตน? เพื่อผลประโยชน์ของนักการเมือง ขุนศึก และนายทุน ที่ร่วมมือกัน จนได้อำนาจมาในปัจจุบันเท่านั้น อยู่ที่การพิสูจน์ตนเอง