วันนี้ “สส.ฐากร ตันทสิทธิ์” ได้อภิปรายถึงสถานการณ์วิกฤติโลก 3 เหตุการณ์ใหญ่ที่จะกระทบถึงคนไทยทุกคนทั้งราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ราคาของแพง หนี้ครัวเรือนที่โตไม่หยุด และดอกเบี้ยที่แพงสุดในรอบ10ปีที่รัฐบาลต้องเตรียมมาตราการรองรับโดยด่วน
[ วิกฤติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ]
สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งยังคงยืดเยื้อยาวนานต่อไป นับถึงวันนี้ 570 วัน ผลกระทบของสงครามกระเทือนไปทั่วโลกทำให้ราคาพลังงานและน้ำมันพุ่งกระฉูด การคมนาคมขนส่งเกิดสภาวะชะงักงันเพราะต้นทุนสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าอื่นๆที่ตามมา
[ สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ]
ซ้ำเติมให้สถานการณ์โลกตึงเครียดขึ้นเพราะไม่รู้สงครามจะจบลงเมื่อไหร่หรือจะขยายวงเพิ่มหรือไม่ แม้ไทยจะวางตัวเป็นกลาง แต่ก็ได้รับผลกระทบจากแรงงานไทยที่ไปทำงานกว่า 30,000 คน และเสียชีวิตมากเป็นอันดับ2 รองจากอเมริกา พิษของสงครามนี้ฉุดรั้งให้เศรษฐกิจของโลกถดถอยหนักลงหนักกว่าเดิม เพราะหากเหตุการณ์บานปลายกลายเป็นความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง ราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจจะพุ่งแตะ150เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล หรือเกือบ 2 เท่าจากปัจจุบันซึ่งแน่นอนว่าราคาน้ำมันหน้าปั๊มในไทยก็จะต้องพุ่งเป็น 2 เท่าจากที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน และแน่นอนว่าสินค้าต่างๆในไทยก็ต้องพุ่งตามราคาต้นทุนอย่างน้ำมันอย่างเลี่ยงไม่ได้
[ ตลาดหุ้นไทยที่ดิ่งลงเหว และหนี้ครัวเรือนที่สูงลิบ ]
ปะเด็นสุดท้ายตลาดหุ้นไทยดัชนีต่ำกว่า 1400 จุด หมายความว่าเงินทุนในไทยไหลออก มูลค่าหุ้นที่หายไปในตลาดรวมกว่า 1.7 ล้านๆบาทในระยะเวลา 40 วันเศษ รวมไปถึงค่าเงินบาทไทยอ่อนตัวอย่างมาก แต่ตัวเลขหนี้ครัวเรือนพุ่งสูงไม่หยุดถึง 16 ล้านล้านบาท เฉลี่ยครัวเรือนละประมาณ 8แสนบาทเศษ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยสวนทางแพงสุดในรอบ10ปี
สภาวการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในขั้นวิกฤติ ประชาชนมีรายได้ต่ำ รวยกระจุก หนี้กระจาย ดังนั้น ขอให้นายกรัฐมนตรีได้เตรียมวางมาตรการรองรับปัญหาใหญ่ 3 เรื่องดังกล่าว เพราะรัฐบาลชุดนี้ เป็นรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย จึงเป็นความหวังของพี่น้องประชาชนที่ฝากไว้กับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้