แนวโน้มของเศรษฐกิจโลกในช่วงปีนี้มีทีท่าจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเศรษฐกิจโลกอาจโตได้เพียง 3% ในปีนี้ และ โต 2.7% ในปีหน้า ซึ่งสะท้อนว่าเศรษฐกิจของโลกยังคงมีปัญหา ในขณะที่เศรษฐกิจของจีนก็ยังชะลอตัวอยู่ ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะภาคการส่งออกของไทย นอกจากนี้ยังมีปัญหาค่าเงินบาทที่อ่อนลงอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
หนำซ้ำปรากฏการณ์เอลนีโญอาจกระทบภาคการเกษตรรวมถึงราคาพลังงานในตลาดโลกที่มีทิศทางสูงขึ้น รัฐจึงต้องวางแผนบริหารจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน ซึ่งรวมไปถึงการบริหารจัดการน้ำซึ่งรัฐต้องจัดสรรงบประมาณทั้งระยะเร่งด่วนและระยะยาว
จากการคาดการทั้งเศรษฐกิจโลก และวิกฤตต่างๆที่คาดว่าจะเกิดขึ้น รัฐบาลจึงต้องบริหารงบประมาณอย่างรอบคอบและระมัดระวังโดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นโดยการแจก #เงินดิจิทัล ที่มีกรอบวงเงินราว 5.6 แสนล้านบาท ว่ามีผลดีมากกว่าผลเสียหรือไม่ และสร้างพายุหมุนเวียนตามเศรษฐกิจตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่?
ผมไม่ขัดข้องที่รัฐจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อยากให้มองข้อมูลเชิงลึกอย่างรอบคอบ และทบทวนกลุ่มเป้าหมายว่าควรเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยพร้อมไปกับการ อัปสกิล-รีสกิล “สร้างงาน-สร้างอาชีพ” ไปพร้อมกัน และเปิดใจรับฟังความเห็นทุกฝ่าย เพื่อการใช้เงินภาษีของพี่น้องประชาชน เกิดประสิทธิภาพสูงสุด