ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเศรษฐกิจไทยห้วงเวลานี้หนีไม่พ้นปัญหาหนี้โดยเฉพาะภาระหนี้สินของคนตัวเล็กไม่ว่าจะเป็นหนี้ครัวเรือน หนี้นอกระบบ หรือหนี้SMEs รหัส21 (หนี้ที่เกิดจากโควิด) ซึ่งหนี้ที่เกิดขึ้นมีอัตราสูงขึ้นเรื่อยๆเป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจให้โตต่ำ และฉุดรั้งการทำมาหากินของคนตัวเล็กอย่างมาก คำถามสำคัญคือเราจะแก้หนี้เหล่านี้อย่างไร?
[ ทำไมจึงต้องแก้หนี้ของคนตัวเล็กก่อน? ]
ก่อนอื่นต้องบอกว่าคนกลุ่มนี้คือฟันเฟืองที่สำคัญมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในระดับฐานราก ไม่ว่าจะเป็นคนหาเช้ากินค่ำที่เป็นหนี้นอกระบบ หรือผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อยที่เป็นหนี้เสียจากสถาการณ์โควิดที่เขาไม่ได้ก่อ ซึ่งเมื่อเกิดปัญหาไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ตามปกติ กิจกรรมทางเศรษฐกิจของคนเหล่านี้ก็หยุดชะงักลงต่างกับบริษัทใหญ่ๆที่ธนาคารต่างเร่เอาสินเชื่อมาต่อทุนให้ถึงที่ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากๆสวนทางกับธุรกิจคนตัวเล็กที่เข้าถึงสินเชื่อยากและดอกเบี้ยสูง
[ หนี้อะไรบ้างคือหนี้ของคนตัวเล็ก ]
1. หนี้ SMEs รหัส 21 คนกลุ่มนี้ก่อนหน้านี้เคยเป็นลูกหนี้ที่จ่ายเงินได้ตามปกติ ไม่มีประวัติผิดนัดชำระ แต่จากเหตุการณ์โควิดส่งผลให้ไม่สามารถใช้หนี้ได้ ตัวเลขจนถึงเดือนสิงหาคม 2566 มีลูกหนี้ในกลุ่มนี้สูงถึง 5.04ล้านบัญชี ยอดหนี้รวมกว่า 3.82 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2566 กว่า 7 พันล้านบาท
2. หนี้นอกระบบ ที่ดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 20 ต่อเดือนหรือ 240% ต่อปี ที่เกิดจากคนตัวเล็กไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้
[ ข้อเสนอของพรรคไทยสร้างไทยเพื่อแก้หนี้ ]
1. พรรคไทยสร้างไทยเสนอมาตรการในการพักหนี้ ให้ SMEs 2-3 ปี ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย โดย“กองทุนฟื้นฟูหนี้เสีย SMEs” จะช่วยพี่น้องผู้ประกอบการรายเล็กรายย่อย ที่ได้รับผลกระทบ จากคำสั่ง ล็อคดาวน์โควิด สามารถฟื้นตัวกลับมา ประกอบกิจการได้อีกครั้ง กองทุนดังกล่าว จะทำหน้าที่ในการ“ปรับโครงสร้างหนี้”แล้ว“ปล่อยกู้ใหม่” เป็นสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ชำระคืนแบบขั้นบันได โดยมีดอกเบี้ยไม่เกิน 4% ต่อปี
2. การแก้ไขปัญหา“หนี้นอกระบบ” พรรคไทยสร้างไทย เสนอ“กองทุนเครดิตประชาชน”หรือ“กองทุนคนตัวเล็ก” ซึ่งรัฐบาลสามารถจัดสรรงบประมาณ โดยแบ่งจากเงินกู้ 5 แสนล้านบาท มาใช้ใน กองทุนดังกล่าวประมาณ 2แสนล้านบาท เพื่อให้เครดิตกับประชาชน ได้มีทุนตั้งตัว ในอัตราดอกเบี้ยต่ำโดยประชาชนสามารถกู้ได้ตั้งแต่ 10,000 บาท หากรักษาเครดิตได้ดี ภายในระยะเวลา 6 เดือนสามารถกู้เพิ่มเติมได้ เป็น 50,000 บาท และสูงสุดถึง 1 แสนบาท ซึ่งจะเป็นการให้โอกาส คนตัวเล็กในการสร้างเนื้อสร้างตัว สามารถทำมาหากินได้ สร้างงานสร้างอาชีพในระยะยาวได้
ดังนั้นเงินดิจิทัลไม่ใช่ยาวิเศษ ที่จะทำให้เศรษฐกิจโตอย่างยั่งยืน จะทำให้เกิดกำลังซื้อระยะสั้นเท่านั้น แล้วก็จะกลับไปเจอปัญหาความยากจนเหมือนเดิม
พรรคไทยสร้างไทยจึงเสนอแก้หนี้อย่างเป็นระบบและให้แจกเงินดิจิทัลแบบมีเป้าหมายเฉพาะผู้มีรายได้น้อย 16-20 ล้านคนเท่านั้น ที่สำคัญต้องแจกเป็นเงินสด จึงจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้