นายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย ให้ความเห็นกรณี นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย เสนอให้รัฐบาลยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และกฎหมายอื่นๆ ที่ลิดรอนสิทธิเสรีของประชาชนว่า เห็นด้วยกับแนวคิดของนายฐากร และมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมดังนี้
[ โมเดลไทยสร้างไทยล้มกฎหมายมรดกเผด็จการ ]
1. ต้องจัดการประกาศ คำสั่งของคณะรัฐประหาร และหัวหน้าคณะรัฐประหารที่ไม่ได้มีแค่สมัย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น แต่ย้อนไปถึงยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในปี 2501 จนถึงปัจจุบัน
2. ประกาศ คำสั่งดังกล่าวมีตั้งแต่ระดับรัฐธรรมนูญ จนถึง ประกาศกระทรวง ต่างๆ ฯลฯ เกือบทั้งหมดออกมาเพื่อลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน หรือไม่ก็เพื่อแก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้า หรือเพื่อเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องโดยตรง เช่น กรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียว
3. การขจัดประกาศ คำสั่งเหล่านี้ ในเบื้องต้นควรออกกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ 1 ฉบับเพื่อยกเลิก โดยทำบัญชีรายชื่อของประกาศ คำสั่งไว้ท้ายพระราชบัญญัติ ซึ่งอาจปรับปรุงแก้ไขเพื่อเพิ่มเติมได้ด้วยการออกเป็นประกาศบัญชีเพิ่มเติม แต่หากเรื่องใดเป็นระดับรัฐธรรมนูญต้องไปแก้รัฐธรรนูญและเขียนวางหลักไว้ว่าให้ประกาศ คำสั่งเหล่านั้นไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หรือเขียนให้อำนาจฝ่ายบริหารโดยความเห็นชอบของรัฐสภาออกเป็นประกาศกำหนดว่า ประกาศคำสั่งใดหรือส่วนใดของประกาศ คำสั่งนั้นไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
[ รัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนให้ยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่ล้าหลัง แต่แทบไร้ความหมายมาโดยตลอด ]
หากเปิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 บัญญัติไว้ชัดเจนให้รัฐยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพแต่บทบัญญัตินี้แทบไม่มีความหมาย เพราะมีกฎหมาย เหล่านี้ให้อำนาจหน่วยงานของรัฐมากดทับประชาชน เช่นการขอใบอนุญาตต่างๆ ทำให้คนตัวเล็กหมดพลังในการทำมาหากิน
[ กม.ล้าหลังเปิดช่องให้รัฐราชการไทยทุจริต ขูดรีด กับประชาชน ]
เมื่อระบบรัฐราชการไทยเต็มไปด้วยการทุจริต คอร์รัปชั่น ระบบนี้จึงมีการแต่เอื้อประโยชน์ให้กับทุนใหญ่ ทุนผูกขาด ทุนพรรคพวกและทุนสีเทาทั้งหลาย ขณะเดียวกันกลับละเลย รีดไถ และทำลายโอกาสและศักยภาพของคนตัวเล็ก
[ รื้อกฎหมายมรดกเผด็จการคือเรื่องเร่งด่วนที่ช่วยพลิกเศรษฐกิจคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นมาได้ ]
ทั้งหมดนี้คือวาระเร่งด่วนของประเทศที่ต้องเร่งทำเพื่อให้ SME’s และคนตัวเล็กทั้งหลายสามารถดำรงอยู่เพื่อพัฒนาตนเอง รวมถึงกิจการให้ไปได้อย่างมีพลังและยั่งยืน มิเช่นนั้นสังคมจะมีความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเกิดกลียุค เป้าหมายที่จะพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางจะเป็นเพียงความฝัน นโยบายประชานิยมควรใช้ให้เหมาะสม ถูกจังหวะและเวลา หากเป็นเพียงการซื้อความชอบ ความพอใจของประชาชนเพียงชั่วคราวเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ประเทศจะเสียหายอย่างมาก ประชาชนจะยิ่งลำบาก”