ด้าน “คุณหญิงสุดารัตน์” ชี้ความรุนแรงจากเหตุแห่งเพศ และการเลือกปฏิบัติ ถือเป็นประเด็นด้านสาธารณสุข ส่งผลกระทบต่อผู้หญิง 1 ใน 3 ทั่วโลก ชวนสังคมลดอคติที่เกิดจากความเป็นเพศ
พรรคไทยสร้างไทยจัดแคมเปญเนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล (International Day for the Elimination of Violence against Women) ซึ่งได้รับการรับรองจากสมัชชาใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติ (United Nations General Assembly) และเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญการรณรงค์เคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศเป็นเวลา 16 วัน (16 days of activism against gender violence) โดยจะเริ่มขึ้นในวันที่ 25 พฤศจิกายน และจนถึงวันที่ 10 ธันวาคม ซึ่งตรงกับวันสิทธิมนุษยชนสากล (International Human Rights Day)
โดยหัวข้อของการณรงค์ของสหประชาชาติในปีนี้ คือหัวข้อ “การลงทุนเพื่อป้องกันความรุนแรงต่อเด็กและสตรี” (Invest to Prevent Violence against Women & Girls) โดยพรรคไทยสร้างไทยได้จัดการอบรมบุคลากรทุกเพศทุกวัย ในหัวข้อ “ความยินยอมในเพศสัมพันธ์ – การเท่าทันอคติทางเพศ เพื่อความเป็นธรรมในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง” นำโดย สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง ผู้อำนวยการมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม, สุพีชา เบาทิพย์ ผู้ประสานงานกลุ่มทำทาง และ ชลฐิตา ไกรศรีกุล ผู้จัดการกลุ่มทำทาง ดำเนินรายการโดย วิภาพรรณ วงษ์สว่าง อดีตผู้สมัครพรรคไทยสร้างไทยและที่ปรึกษากลุ่มไทยคอนเซนท์
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงความสำคัญในการจัดกิจกรรมดังกล่าวภายในพรรค โดยระบุว่า ความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ และการเลือกปฏิบัติ ถือเป็นประเด็นด้านสาธารณสุขซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้หญิง 1 ใน 3 ทั่วโลก โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็กที่อยู่ในภาวะเปราะบาง เช่น ผู้พิการ ผู้ที่มีความยากจน ผู้สูงอายุ ผู้หญิงวัยรุ่น รวมถึงผู้ที่อยู่ในภาคบริการ จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเข้าไม่ถึงสิทธิที่จำเป็นเช่นการศึกษา การดูแลสุขภาพ หรือเสรีภาพในการดำรงชีวิต
“บ่อยครั้งที่ผู้คนตอบสนองต่อความรุนแรงด้วยการกล่าวโทษหรือตำหนิเหยื่อ เช่น สิ่งที่พวกเขาสวมใส่หรือสิ่งที่พวกเขาทำ หรือเพราะพวกเขาอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือผู้คนลังเลที่จะให้การสนับสนุนเพราะมันเกิดขึ้นใน ‘ส่วนตัว’ หรือในหมู่ผู้คน คนที่เรารู้จัก แต่เราต้องเปลี่ยนเรื่องราวนี้ใหม่ ให้เรามองเห็นความเป็นธรรม และมองเห็นอคติที่เกิดจากความเป็นเพศให้มากขึ้น ฉะนั้นเพื่อที่จะเอาจริงกับเรื่องนี้ พรรคไทยสร้างไทยจึงได้จัดอบรมบุคลากร โดยมีวิทยากรที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์กว่า 40 ปี มาช่วยให้เราได้ทบทวนตนเอง เพื่อที่เราจะได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ดียิ่งขึ้น” คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ
ทางด้าน น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ได้ชี้ถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างคนทุกเพศทุกวัยในการยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี โดยกล่าวถึงความท้าทายในการยุติเรื่องดังกล่าวซึ่งใช้เวลารณรงค์กันยาวนานมากทั่วโลก แต่ก็ยังมีปัญหาเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ เพราะความรุนแรงนั้นเป็นสิ่งที่ส่งต่อกันมาระหว่างรุ่น ฉะนั้นแล้ว หน้าที่หนึ่งของคนที่อยู่ในสังคมร่วมกับเด็กและสตรี คือต้องช่วยกันป้องกันยุติการส่งต่อทรรศนคติที่นำไปสู่การเพิกเฉย เมื่อพบเห็นการเอาเปรียบในสังคม
“จริงอยู่ที่ความรุนแรงเกิดขึ้นกับทุกคน ทุกเพศ แต่เราเห็นว่ารูปแบบของความรุนแรงที่เกิดกับผู้หญิงและเด็ก เป็นปัญหาที่มีลักษณะเฉพาะ ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่า ถ้าเรามีลูก ความกังวลที่คนทั่วไปจะมีต่อลูกชายลูกสาว จะมีความกังวลคนละแบบกัน ซึ่งอันนี้เป็นคำอธิบายว่าทำไมประเด็นผู้หญิงถึงเป็นประเด็นที่มีความเฉพาะขึ้นมา แล้วทีนี้ทางเราก็มองเห็นว่า เราในฐานะผู้ชาย หรือเพศอื่นๆ ก็ควรที่จะไม่เพิกเฉยปัญหาที่เกิดกับผู้หญิง โดยเฉพาะ ปัญหาที่สังคมไม่รู้ว่าเป็นปัญหา เรื่องนี้ต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน หรืออาจจะต้อง relearn – unlearn หรือ เรียนรู้ความเข้าใจใหม่ และเลิกเรียนรู้จากสิ่งที่ผิด แล้วพอเราเริ่มที่ตัวเอง เราก็จะช่วยคนอื่นได้ดียิ่งขึ้น” น.อ. อนุดิษฐ์ ระบุ
โดยในระหว่างการอบรม ได้มีการกล่าวถึงเคสที่ได้กับการร้องเรียนเข้ามาที่พรรค และได้ทำงานอย่างใกล้ชิดทั้งเรื่องของคดี ที่ได้ นรุตม์ชัย บุนนาค เข้ามาทำหน้าที่ทนาย, รัตนมงคล เลิศทวีวิทย์,กิติ วงษ์กุหลาบ ดูแลสภาพจิตใจครอบครัวและเหยื่อและการหาหลักฐานเพิ่มเติม รวมทั้งการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจนเกิดความคืบหน้า พร้อมทั้งกล่าวถึงแนวโน้มในการจัดตั้งศูนย์ร้องทุกข์ซึ่งตอนนี้มีชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า “สู้เพื่อคนตัวเล็ก”
และในช่วงบ่ายของการอบรม คณะทำงานของพรรคไทยสร้างไทยนำโดย รองโฆษกพรรค ได้แก่ เบสท์ วงศ์ไพโรจน์กุล และ ศรัณยู คงสวัสดิ์เกียรติ ร่วมหารือกับวิทยากรในเรื่องของแนวทางการจัดทำโครงสร้างของศูนย์ร้องทุกข์ รวมถึงแนวทางการแก้อุปสรรคของภาคประชาชนที่เข้าไม่ถึงบริการภาครัฐที่ถูกกฎหมาย แต่เข้าถึงไม่ได้ด้วยอคติของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งทางพรรคจะนำไปประสานงานและหารือแนวทางในการยุติอคติทางเพศ รวมถึงความรุนแรงทางเพศ