พรรคไทยสร้างไทย เปิดที่ทำการพรรค ต้อนรับคณะนักศึกษา หลักสูตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ (ปธพ. รุ่นที่ 10) สถาบันพระปกเกล้า ร่วมกับแพทยสภา
โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ดร.โภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ และดร.สุวดี พันธุ์พานิช คณะทำงานด้านสาธารณสุข พรรคไทยสร้างไทย
ร่วมหารือในประเด็น “ความรุนแรงในสถานพยาบาล” โดยมุ่งแก้สาเหตุความรุนแรง การบังคับใช้กฎหมาย และการรณรงค์ กับคณะนักศึกษา หลักสูตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ (ปธพ. รุ่นที่ 10) สถาบันพระปกเกล้า ร่วมกับแพทยสภา ประกอบไปด้วย คุณบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ดร.สุวดี พันธุ์พานิช กรรมการบริหาร THG ศ.ดร.เอกชัย สุมาลี คุณไพลักษณ์ วงศ์ไวศยวรรณ คุณสมสกุล ณ บางช้าง คุณนำโชค โสมาภา ผศ.พญ. จริณรัตน์ ศิริรัฐวรรณ และ ดร.ภาฝัน จิตต์มมิตรภาพ
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า “โรงพยาบาลต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ดิฉันยืนยันว่าจะร่วมผลักดันเพื่อลดความรุนแรงในสถานพยาบาล ซึ่งต้องแก้ทั้งในโรงพยาบาลและการรณรงค์สร้างการรับรู้ ปลุกจิตสำนึกของประชาชน ระบบการเยียวยาบุคลากรทางการแพทย์ต้องเป็นธรรม ต้องใช้เทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดภาระบุคลากร”
ผศ.พญ. จริณรัตน์ (ปธพ.10) “ปัญหาความรุนแรงในสถานพยาบาลมีทั้งที่ ผู้ป่วยทะเลาะกันเอง ผู้ป่วยทะเลาะกับบุคลากรทางการแพทย์ และบุคคลภายนอกทะเลาะกับผู้ป่วย ทั้งที่ทำร้ายบุคลากรทางการแพทย์โดยตรง และที่โดนลูกหลง แต่ถูกดำเนินคดีต่ำมาก สร้างความหวาดกลัวและกระทบต่อจิตใจบุคลากรทางการแพทย์มาอย่างต่อเนื่อง”
ดร.โภคิน กล่าวว่า “การแก้ปัญหาต้องเริ่มต้นจากสาเหตุความรุนแรง ในกรณีที่เกิดจากความไม่พึงพอใจในบริการ ต้องเพิ่มระบบแจ้งสถานะการรักษา เพื่อลดความกังวลใจของผู้ป่วยและญาติ ขณะเดียวกันต้องกระตุ้นด้วยป้ายเตือนให้ทั่วสถานพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยและญาติมีสติในการรับบริการ กรณีที่เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า เช่นการทะเลาะวิวาทของคู่อริในสถานพยาบาล ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด”
คุณบุณยฤทธิ์ อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ (ปธพ.10) กล่าวว่า “กฎหมายอาญามีอยู่แล้ว แต่ประชาชนไม่ตระหนักรู้ ป้ายเตือนจำนวนมากในสถานพยาบาลจะช่วยเตรียมอารมณ์ผู้ป่วยและญาติได้มาก”
ดร. สุวดี กล่าวว่า “การบริหารจัดการสัดส่วนแพทย์ต่อผู้ป่วย ปริมาณผู้ป่วย ภาระงานและระบบบริหารจัดการโรงพยาบาล กล้องวงจรปิด และการใช้เทคโนโลยีจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การลดความรุนแรงในสถานพยาบาลมีความยั่งยืน โดยพรรคไทยสร้างไทยจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะสนับสนุนผู้ทำหน้าที่กำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข และผลักดันในฐานะพรรคการเมือง”


