[ไทยสร้างไทย เรียกร้อง สภาตั้ง กมธ. ขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหาประชาชน ช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เพื่อให้ช่วยประชาชนได้ทันท่วงที]
นายปริเยศ อังกูรกิตติ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ พรรคไทยสร้างไทย เรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎรให้กรรมาธิการ (กมธ.) ในสภาทั้งชุดสามัญ, วิสามัญ และกมธ.ร่วมทั้งสองสภาขับเคลื่อนงานในระยะนี้เพื่อให้ทุกพรรคการเมืองได้มีบุคลากรเข้ามาทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาพี่น้องประชาชน และตระเตรียมการทำงานด้านกฏหมายต่างๆ ที่มีการเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร นายปริเยศเชื่อว่าการที่บุคลากรจากพรรคการเมืองต่างๆ ได้เข้ามาทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มย่อยๆ ใน กมธ.คณะต่างๆ จะทำให้สถานการณ์และความสัมพันธ์ดีขึ้น พร้อมกับได้แก้ปัญหาให้ประชาชนไปด้วยแม้ไม่ใช่ระดับมหภาค แต่ก็ช่วยเหลือประชาชนได้ทันที
[นอกจากช่วยประชาชน ยังช่วยดูกฎหมายที่ตกมาจากสภาก่อน ให้เข้าสภาชุดใหม่ได้เร็วขึ้น เช่น สมรสเท่าเทียม สุราก้าวหน้า]
นายปริเยศ ยกตัวอย่างว่า อาจมีการตั้ง กมธ.ขึ้นมาสักคณะเพื่อเข้ามาดูแล ร่างกฎหมายบางฉบับที่ตกมาจากสภาชุดก่อน เพื่อหาวิธีแก้ปัญหาการขาดอายุ 60 วัน เนื่องจากยังไม่มีคณะรัฐมนตรี ก็จะเป็น กมธ. ที่ดีที่สามารถทำให้บุคลากรในพรรคการเมืองที่เป็นเสียงข้างมากในสภาชุดที่แล้วได้ทำงานร่วมกับนักการเมืองใหม่ๆ ในสภาชุดนี้ รวมถึง กมธ.สามัญในสภา 2566 หากนำเอา ส.ส. ที่เข้ามาใหม่ในสภาในฐานะกรรมาธิการ ผสมผสานกับคณะที่ปรึกษาที่อาจดึงมาจากคณะทำงานเปลี่ยนผ่านของ 8 พรรคร่วม ให้เข้ามาทำงานร่วมกัน เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในช่วงที่ยังติดขัดเรื่องการโหวตเรื่องนายกรัฐมนตรีไม่แล้วเสร็จได้
[เชื่อ ช่วยให้บริหารประเทศราบรื่นมากขึ้น สร้างทางออกให้ประเทศ]
“ด้านโครงการ รึการลงทุนด้านต่างๆ นั้น หากมีความจำเป็นเร่งด่วน ก็อาจจำเป็นต้องตั้งกมธ.วิสามัญขึ้นมาหนึ่งคณะ เพื่อทำงานในด้านนี้โดยเฉพาะ ซึ่งอาจต้องให้ทาง วุฒิสมาชิก เข้ามารับทราบถึงปัญหาและมีส่วนร่วมในช่วงระยะนี้ด้วยจะเป็นประโยชน์ และถือเป็นการเตรียมการเพื่อรองรับปีงบประมาณ เพื่อให้การบริหารงานโดยนิติบัญญัติ ได้เกิดขึ้นได้บ้าง ซึ่งก็จะถือว่าเป็นพัฒนาการอีกขั้นหนึ่งของสภาไทย แม้มีข้อจำกัดด้านกฏหมายบ้าง ก็ค่อยๆแก้ไขกันไปด้วยอนุกรรมาธิการชุดต่างๆ แต่กระบวนการนี้ก็จะแสดงให้เห็นว่าระบอบประชาธิปไตยมีทางออกเสมอไม่มีทางตัน” นายปริเยศ กล่าว