หลังยึดอำนาจ คสช. ได้มีการแก้ไข ป.วิอาญา ในการให้ความเห็นแย้งคดีอาญา จากผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นตำรวจภูธรภาค
ชวลิต วิชยสุทธิ์ ชี้! ขัดหลักการถ่วงดุลอำนาจ!
พรรคไทยสร้างไทย” ขอ มท.1 ยืนหยัดหลักการถ่วงดุลอำนาจด้วยการแก้ กม.ให้ ผวจ.มีอำนาจในการให้ความเห็นแย้งในคดีอาญา ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 145 ดังเดิม เพื่ออำนวยความยุติธรรม
แก่ประชาชนในกระบวนการยุติธรรมชั้นต้น
ขอเรียกร้องให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสภาผู้แทนราษฎรชุดที่แล้ว ที่ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบกับรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เรื่อง การทบทวนกระบวนการพิจารณาคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ โดยสภา ฯ ได้ให้ความเห็นชอบเมื่อ 20 ก.พ.63 ความเป็นมาของรายงานการศึกษาดังกล่าว
[ไล่รื้อมรดกคณะรัฐประหาร!]
เนื่องจากภายหลังการปฏิวัติ รัฐประหาร เมื่อ 22 พ.ค.57 คสช.ได้มีประกาศ ฉบับที่ 115/2557 แก้ไข ป.วิ.อาญา มาตรา 145 เปลี่ยนแปลงอำนาจการให้ความเห็นแย้งในคดีอาญาจากผู้ว่าราชการจังหวัด
เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคซึ่งขัดกับหลักการถ่วงดุลอำนาจในกระบวนการยุติธรรมชั้นต้น
ที่ ป.วิ.อาญา มาตรา 145 เดิม ได้วางหลักไว้ดีแล้ว สภาผู้แทนราษฎร ในคราวประชุมเมื่อ 20 ก.พ.63
ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบกับรายงาน ฯ ดังกล่าวข้างต้น โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจให้ความเห็นแย้งในคดีอาญาได้ดังเดิม จากนั้น รัฐบาลโดยกระทรวงมหาดไทยได้รับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของรายงานการศึกษาไปดำเนินการตามกระบวนการยกร่างแก้ไข ป.วิ.อาญา มาตรา 145 ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้รับฟังความเห็นของภาคส่วนต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 เป็นที่เรียบร้อย และพร้อมนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อส่งสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นกฎหมายต่อไป แต่รัฐบาลและสภา ฯ หมดวาระเสียก่อน
จึงขอให้กระทรวงมหาดไทยสานต่อการแก้ไข ป.วิ.อาญา มาตรา 145 เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมชั้นต้นเป็นประโยชน์ในการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนสืบไป
นายชวลิต วิชยสุทธิ์
กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคไทยสร้างไทย