พรรคไทยสร้างไทย พูดคุยและร่วมรับฟัง ปัญหาและข้อเสนอแนะ จากตัวแทนสภาเด็กและเยาวชน แห่งประเทศไทย รวมถึงสภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้บอกกล่าวถึงปัญหาในการทำงานอย่างกว้างขวางหลากหลายประเด็น เช่น ปัญหาลูกหลานแรงงานข้ามชาติ ซึ่งเข้าไม่ถึงระบบการศึกษา ปัญหาเด็กชาติพันธุ์ ปัญหาเด็กแรกเกิด ปัญหาการศึกษา รวมถึงการส่งเสริมกีฬาอีสปอร์ต
พรรคไทยสร้างไทย ซึ่งนำโดย นายฐากร ตันฑสิทธิ์ นายชัชวาล แพทยาไทย นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ นายกิติ วงษ์กุหลาบ นายรัตนมงคล เลิศทวีวิทย์ นายเทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน นายธวัชชวิน โกพัฒน์ตา ดร.ณรงค์ รุ่งธนวงศ์ และทีมคนรุ่นใหม่ ร่วมแลกเปลี่ยน ซึ่งทำให้ได้รับทราบปัญหา โดยเฉพาะการที่ ตัวแทนจากสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทยมีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมกับคณะทำงานระดับชาติในสัดส่วนที่น้อยมาก แม้หลายประเด็น จะเกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนก็ตาม ซึ่งมีผลต่ออนาคตของเด็ก ทั้งในมิติของชีวิตความเป็นอยู่สวัสดิการ สวัสดิภาพและการศึกษา
ขณะเดียวกัน ยังได้รับฟังเสียงสะท้อนด้วยว่า การทำงาน และขับเคลื่อน นโยบายหรือโครงการต่างๆ ขาดความคล่องตัว รวมถึง ประสบปัญหา ด้านงบประมาณที่น้อยเกินไป รวมถึงระบบที่ให้หน่วยงานรัฐอย่างกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นผู้อนุมัติ ทำให้สภาเด็กตั้งแต่ระดับตำบลถึงระดับประเทศต้องทำงานแบบเกรงใจ
ซึ่งพรรคไทยสร้างไทย น้อมรับฟังปัญหา และจะต่อยอดการพูดคุยเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อน ไปส่งเป้าหมายและการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม เช่นการส่งเสริม เด็กไทยให้เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี ลดเวลาเรียน 3 ปี ไม่เป็นหนี้ กยศ.
โดยพรรคไทยสร้างไทยมองว่า ปัจจุบันเด็กไทยต้องใช้เวลาเรียนนานมาก กว่าจะจบปริญญาตรีก็จะมีอายุประมาณ 22 ปีแล้ว และเด็กไทยหลายล้านคนกว่าจะเรียนจบต้องกู้เงินเรียนเนื่องจากมีฐานะยากจน เริ่มต้นชีวิตในวัยทำงานด้วยการเป็นหนี้สินตั้งแต่วัยหนุ่มสาว พรรคไทยสร้างไทย มีนโยบายที่จะช่วยปลดแอกเด็กไทยด้วยนโยบายเรียนฟรีจนจบปริญญาตรี หากนโยบายนี้ถูกนำมาใช้จนสัมฤทธิ์ผล ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องมีการกู้เงิน กยศ. อีกต่อไป นอกจากนโยบายให้เรียนฟรีแล้ว ยังเสนอให้นำนโยบายลดเวลาเรียนในทุกช่วงการศึกษาอย่างน้อย 3 ปี (ระดับประถม มัธยม และปริญญาตรี) มาใช้ควบคู่ไปด้วย
เพื่อให้เด็กสามารถเรียนจบปริญญาตรีได้ในช่วงอายุ 18 -19 ปี และทำการปฏิวัติการศึกษาเพื่อมุ่งเน้นคุณภาพที่ตรงกับความต้องการของตลาดและโลกสมัยใหม่มากกว่าเน้นที่ใบปริญญา โดยให้เด็กได้เรียนในวิชาที่เด็กต้องการเรียน ได้เรียนจากผู้มีความรู้ และมีความเชี่ยวชาญโดยตรง ผ่านการสื่อสารทางไกลด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเด็กในเมือง หรือในพื้นที่ชนบทห่างไกล จะต้องได้รับการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญคนเดียวกัน