นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) เปิดเผยว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะอภิปรายในวันที่ 3-4 เมษายน 2567 และพรรคร่วมฝ่ายค้านได้จัดสรรเวลาให้พรรค ทสท. 70 นาที หลายฝ่ายเข้าใจว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านยังไม่มีข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ หรือมีข้อมูลน้อยมาก โดยเฉพาะในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาล เนื่องจาก พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ยังไม่ได้มีการประกาศใช้ ซึ่งคาดว่ารัฐบาลน่าจะประกาศใช้ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ได้ภายในเดือนเมษายน 2567 นั้น คิดว่ารัฐบาลน่าจะเข้าใจคลาดเคลื่อนในส่วนนี้ ขอบอกว่าขณะนี้ฝ่ายค้านเรามีข้อมูลการร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาลในหลายกระทรวง เนื่องจากในหลายๆ กระทรวงมีเงินรายได้นอกงบประมาณ หรือเงินกองทุนต่างๆ และเงินของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่อยู่ภายใต้สังกัดกระทรวง ซึ่งได้ดำเนินการอนุมัติการจัดซื้อจัดจ้างไปเป็นจำนวนมากแล้ว
.
“ผมฝากเตือนรัฐบาลชุดปัจจุบันและเจ้ากระทรวงทุกกระทรวงให้ระมัดระวังคนใกล้ตัวของท่านให้มาก ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนการรับผลประโยชน์จากเงินส่วนนี้มากกว่ารัฐบาลชุดที่แล้วอีก ผมไม่เคยคิดเลยว่ารัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์จะมีเรื่องร้องเรียนดังกล่าวมากมายขนาดนี้ ผมฝากเตือนรัฐบาลด้วยความปรารถนาดีว่าเงินนอกงบประมาณ เงินกองทุน เงินจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของเจ้ากระทรวงต่างๆ ได้มีการเบิกใช้จ่ายเงินไปแล้ว ไม่ได้มารองบประมาณปี 2567 ประกาศใช้แต่อย่างใด” นายฐากรกล่าว
.
นายฐากรกล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณจะอยู่นอกเหนือกระบวนการพิจารณางบประมาณตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี เช่น เงินนอกงบประมาณของกระทรวงกลาโหม เงินจากกองทุนต่างๆ ซึ่งถือเป็นเงินรายได้ และเงินจากรัฐวิสาหกิจภายใต้สังกัดของกระทรวงเหล่านั้น อาทิ กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน, กองทุนพลังงาน, กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และ ปตท.
.
นอกจากนี้ ในปี 2566 พบว่ามีหน่วยงานที่มีเงินนอกงบถึง 584 แห่ง ซึ่งมีรายได้เงินนอกงบที่ 1,710,999.2 ล้านบาท หรือ 53.7% เมื่อเทียบกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี ยิ่งไปกว่านั้นสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ยังไม่ได้เปิดเผยผลการตรวจสอบเงินนอกงบของหน่วยงานรัฐอย่างครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน และรายได้นอกงบเหล่านี้ไม่เคยมีการนำมาสมทบกับงบประมาณในแต่ละปี
.
“นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่นำมาเปิดให้เห็นถึงรายได้นอกงบประมาณที่เกิดขึ้น ซึ่งแท้จริงแล้วแยกไม่ออกจากงบประมาณ หากมีการนำเงินนอกงบประมาณส่วนที่ไม่จำเป็นมาคืนคลัง เงินนอกงบประมาณเหล่านั้นก็จะกลายเป็นเงินคงคลัง สามารถจัดสรรเป็นงบประมาณประจำปีต่อไป ไม่ใช่เป็นแหล่งหากินของพวกทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างที่เป็นอยู่” นายฐากรกล่าว