นายชัชวาล แพทยาไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดร้อยเอ็ด อภิปราย งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2561 วาระที่ 2 โดยขอ ตัดงบประมาณของกระกลาโหม มาตราที่8ไว้ 10เปอร์เซนต์ สาเหตุหลักมาจากงบประมาณของกองทัพเรือ เพราะเมื่อได้เห็นรายละเอียดของบางเหล่าทัพที่มีการเปิดเผยอย่างโปร่งใส แต่บางเหล่าทัพกลับกำหนดสาระสำคัญ หมกเม็ดเพราะนึกว่าคนอื่นมองไม่เห็นหรือตามไม่ทัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ตนไม่สามารถปล่อยผ่านได้ และต้องขอตัดงบประมาณในส่วนนี้ออกไปทั้งหมด จนกว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะมีนโยบายที่ชัดเจนในการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย เพื่อให้เกิดการพึ่งพาตนเองและเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการจ้างงานในประเทศ
.
ตนย้อนกลับไปดูในรายละเอียด พบว่ามีแต่กองทัพอากาศครับที่ได้จัดทำและแจกจ่าย สมุดปกขาวกองทัพอากาศ ในงานสัมมนา Symposium ของกองทัพอากาศ เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2563 และล่าสุดเมื่อ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งกองทัพอากาศได้เชิญผู้แทนจากสถานทูตต่างๆ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ มารับฟังคำชี้แจงและตอบข้อซักถามอย่างเปิดเผย แสดงถึงความร่วมมือกับอุตสาหกรรมไทยแบบไร้พรมแดน เพื่อการพึ่งพากันเองในประเทศของคนไทยด้วยกัน โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่มีแอบแฝงให้เกิดข้อกังขาเรื่องการทุจริต
.
สุดยอดและโปร่งใสมากครับ สมุดปกขาวดังกล่าวจัดทำขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเอกสารสื่อสาธารณะ เพื่อให้ประชาชน หน่วยงานด้านความมั่นคง หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ได้รับรู้ ตระหนัก และเข้าใจบทบาทหน้าที่ และขีดความสามารถที่กองทัพอากาศต้องการ เพื่อการปฎิบัติภารกิจอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส
.
และเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่คนในชาติ ตลอดจนสนับสนุนนโยบายชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ (Defense Offset Policy) ให้เกิดการพึ่งพาตัวเองในประเทศเพื่อความมั่นคงปลอดภัยที่ยั่งยืน
.
ที่ผ่านมา ก่อนมีสมุดปกขาว กองทัพอากาศก็อาศัยความร่วมมือกับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยในการศึกษา พัฒนา และเรียนรู้ให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีกำลังรบ โดยกองทัพอากาศได้ริเริ่มแนวทางการจัดหาพร้อมการพัฒนา (Purchase and Development) กับโครงการต่างๆของกองทัพอากาศ ซึ่งมิได้เป็นการจัดหาโดยตรงจากบริษัทผู้ผลิตและบรรจุเข้าประจำการอย่างเดียว แต่เป็นการจัดหาพร้อมกับการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพอากาศและภาคอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย
.
โดยหลายโครงการเป็นการจ้างงานแก่บริษัทอุตสาหกรรมในประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ทั้งในส่วนออกแบบและผลิตอากาศยานไร้คนขับ งานปรับปรุงเครื่องบินและงานพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบปฎิบัติการบิน ทำโดยคนไทย ทำโดยบริษัทไทย ซึ่งโครงการดังกล่าวสำเร็จและส่งมอบงานได้เรียบร้อย รวมถึงโครงการที่กองทัพอากาศยังมีความจำเป็นต้องจ้างบริษัทต่างประเทศ เช่นโครงการปรับปรุงโครงสร้างอากาศยานและระบบเอวิโอนิกส์รวมทั้งระบบอาวุธของเครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 ข/ค (F-5E/F) เมื่อปี 2557 จากบริษัท Elbit Systems อิสราเอล
.
ซึ่งทุกโครงการที่กล่าวมานั้น กองทัพอากาศ ได้สนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย (Offset Policy) ตามที่ระบุในสมุดปกขาวกองทัพอากาศ เช่นการผลิตชิ้นส่วนสายไฟเพื่อติดตั้งบนอากาศยาน การพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี (Tactical Data Link) เพื่อติดตั้งในระบบซอฟต์แวร์ปฎิบัติการบินของเครื่องบิน รวมถึงการประกอบเครื่องบิน ในประเทศไทย เป็นต้น
.
ต่างจากกองทัพเรือ มีโครงการใหญ่ของกองทัพเรือในปีงบประมาณ 2567 นี้ 2 โครงการ คือโครงการเพิ่มขีดความสามารถระบบการรบสำหรับการปฎิบัติการทางเรือ (ร.ล. ช้าง) วงเงินงบประมาณ 920,000,000 บาท
โครงการปรับปรุงขีดความสามารถเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ชุด ร.ล.ปัตตานี
วงเงินงบประมาณ 2,829,544,000 บาท โดยทั้ง 2 โครงการนี้เป็นการปรับปรุงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของยุทโธปกรณ์ด้านความพร้อมรบของกองทัพเรือ ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ใกล้เคียงกันกับโครงการปรับปรุงเครื่องบินของกองทัพอากาศ
.
แต่การกำหนดความต้องการใน TOR เพื่อจัดหาซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการของระบบอำนวยการรบ (Combat Management System: CMS) และ ซอฟต์แวร์ระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี (Tactical Data Link: TDL) ของเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ชุด ร.ล.ปัตตานี ไม่มีการระบุถึงความต้องการพึ่งพาตนเองด้านความมั่นคงของกองทัพเรือแต่อย่างใด
.
ไม่มีการระบุถึงนโยบายชดเชย (offset) เพื่อให้เกิดการจ้างงาน หรือพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี หรือการผลิตในประเทศไทยแม้แต่น้อย เมื่อเทียบกับการระบุความต้องการที่ชัดเจน โปร่งใส ใน TOR ของโครงการต่างๆของกองทัพอากาศที่ได้กล่าวมาข้างต้น ตนจึงไม่แน่ใจว่า กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ อยู่ภายใต้การบริหารของกระทรวงกลาโหมของประเทศเดียวกันหรือไม่ จึงมีนโยบายที่แตกต่างกันเช่นนี้
.
นอกจากนี้ ระบบซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติที่สำคัญ เช่น ระบบอำนวยการรบ (Combat Management System: CMS) ระบบควบคุมบังคับบัญชา (Command & Control: C2) และ ระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี (Tactical Data Link) เหล่านี้ เป็นระบบหัวใจหลักของการรบที่จะต้องมีการเชื่อมต่อหรือบูรณาการร่วมกันกับระบบป้องกันภัยอื่นๆโดยเป็นการบูรณาการซอฟต์แวร์ให้ใช้งานร่วมกันได้ หรือหลอมรวมข้อมูลให้ได้ภาพสถานการณ์รบที่รวดเร็วแม่นยำแก่ผู้บัญชาการรบ
.
ต้องเป็นระบบที่กองทัพไทยสามารถควบคุมความลับ ปรับปรุง เพิ่มเติม ขีดความสามารถให้สอดคล้องกับภารกิจได้ด้วยตนเอง ไม่ใช่ต้องเอาความลับของประเทศชาติไปบอกประเทศอื่น และยังเสียเงินงบประมาณของประเทศไปให้กับบริษัทต่างชาติเพื่อให้ได้ระบบที่ไม่สมบูรณ์ ฟังก์ชันการใช้งานไม่ตรงความต้องการของกองทัพเรือ เนื่องจากเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ในประเทศอื่น ไม่ได้มีความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในเอกสารสำคัญที่ใช้ในการบูรณาการด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ร่วมกับระบบอื่น
.
จะนำเข้าข้อมูลจากเซนเซอร์ต่างๆ จะติดตั้งระบบอาวุธเพิ่มเติมแต่ละทีก็ต้องกลับไปว่าจ้างบริษัทต่างชาติผู้ผลิตซอฟต์แวร์มาทำให้ทุกครั้งไป ขาดความเป็นอิสระ ขาดความเป็นอธิปไตย ทำลายความมั่นคงปลอดภัยของประเทศไทย
.
ตนขอตั้งคำถามไปถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า ทั้ง 2 โครงการของกองทัพเรือนี้จะมีเนื้องานที่ตกไปถึงบริษัทอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยหรือไม่ เป็นสัดส่วนเท่าไร หรือ จะเป็นการมอบเงินงบประมาณมหาศาลไปให้ต่างประเทศทั้งหมด
.
กองทัพเรือได้คิดถึงการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับจัดสรรให้หมุนเวียนกลับมาสู่เศรษฐกิจไทย หรือนำพาเทคโนโลยีขั้นสูงจากต่างประเทศมาสู่อุตสาหกรรมของไทยหรือไม่ ให้คนไทยได้มีรายได้ ให้เกิดการพึ่งพาตนเองด้านความมั่นคงของประเทศหรือไม่ เพราะเท่าที่เห็นใน ทีโออาร์ ยังไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ ตนอยากมีการ รับปากว่าจะไปกำชับให้กองทัพเรือ ปรับปรุงทีโออาร์ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงและไม่ล็อคให้กับบริษัทต่างชาติอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้
.
“เลิกทีเถอะครับ เลิกล็อคให้กับบริษัทต่างชาติ และหันมาใช้บริการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยได้แล้วครับ แล้วอย่ามาชี้แจงว่าที่ไม่จ้างบริษัทไทยเพราะบริษัทไทยไม่เคยมีผลงานมาก่อน เพราะกองทัพอากาศเขาให้บริษัทคนไทยทำเองทั้งหมดทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์ ก็สำเร็จมาแล้วทุกโครงการ”
.
ดังนั้นตนจะติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด แต่ผมเชื่อมั่นว่ารัฐมนตรีกลาโหมที่เป็นพลเรือน และเป็นคนอีสานเหมือนผมจะสั่งการให้กองทัพเรือ ทำทีโออาร์ ให้ชัดเจน โปร่งใส และต้องเป็นไปตามนโยบายที่ทางกระทรวงมอบให้กับเหล่าทัพอย่างแน่นอน
.
ไทยสร้างไทย #ประชุมสภา #อภิปรายงบประมาณ #งบ67 #งบกลาโหม #บิ๊กชัชวาลแพทยาไทย
พรรคไทยสร้างไทย #กองทัพไทย #ร้อยเอ็ดเขต7 #สสบิ๊กชัชวาล










