นายทิวากร สุระชน กรรมการบริหาร รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่านับแต่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยเพิ่มขั้นตอนการสแกนใบหน้าขึ้นมา โดยผู้มีอำนาจให้เหตุผลว่าเพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์นั้น มีประชาชนเข้ามาร้องเรียนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเสียงสะท้อนในหลายพื้นที่ ในชุมชนห่างไกล พี่น้องประชาชนระบุไปในทิศทางเดียวกันว่ามีปัญหาการใช้งานบัตรคนจนที่ยุ่งยาก เพราะต้องสแกนใบหน้าใช้รหัส 6 หลัก ยืนยันการชำระเงิน
ขณะที่บางบ้านมีผู้สูงอายุผู้พิการทำให้ไม่สะดวก ต้องเสียค่าใช้จ่าย ในการเดินทางเพิ่มเป็น 2 เท่า บางรายต้องนำผู้พิการหรือผู้สูงอายุมามาสแกนใบหน้า จึงอยากให้รัฐปรับวิธีการใช้สิทธิเป็นรูปแบบเดิมหรือหาแนวทางในการป้องกันการสวมสิทธิ์ในแบบอื่นส่วนการมอบอำนาจให้ดำเนินการแทนแม้จะเป็นช่องทางที่สามารถทำได้ แต่ความเป็นจริงได้สร้างความยุ่งยากวุ่นวายให้กับพี่น้องประชาชน แตกต่างจากสมัยรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ ที่มีความสะดวกสบายและเข้าใจประชาชนมากกว่า
นอกจากนี้ยังพบปัญหากรณีมีการอัพเดทเวอร์ชั่นแล้ว พี่น้องประชาชนไม่สามารถสแกนใบหน้าได้ ร้านค้าต้องไปซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆเพื่อให้รองรับ ขณะที่บางคนสแกนหน้าไม่ผ่านทั้งๆที่มีบัตรของตัวเอง ซึ่งสร้างความวุ่นวายให้กับร้านค้าเป็นอย่างมาก เพราะเดิมเวลาคนมากดบัตรจาก 1 คนมา 2-3 บัตรกลายเป็น มากดคนละ 1 บัตร กลายเป็นปัญหาที่หวังว่าผู้มีอำนาจจะเข้าใจ
โดยเฉพาะปัญหาหน้างานว่าจริงๆมีปัญหาที่ต้องเจออะไรบ้าง ตนขอสื่อสารแทนพี่น้องประชาชนว่า แนวคิดดังกล่าวกลายเป็นสร้างความยุ่งยาก ความลำบากให้กับคนพิการคนที่ไม่มีลูกหลานดูแล หากผู้มีอำนาจไม่คิดจะปรับเปลี่ยนตนขอเตือนว่า คนที่จะถูกต่อว่าและด่าทอจากประชาชน คือนายกรัฐมนตรีและฝ่ายบริหาร รวมถึงพรรคการเมืองที่สังกัด จะเสียคะแนนนิยม จึงขอเตือนด้วยความหวังดี