นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงสถานการณ์กรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ถูกยื่นถอดถอนโดน 40 สว. และศาลรับคำร้องโดยให้ชี้แจงภายใน 15 วันว่า มาถึงเวลานี้นายเศรษฐา โทษใครไม่ได้นอกจากตนเอง เพราะมีหลายฝ่ายพยายามชี้ให้เห็นปัญหาหลายเรื่องของรัฐบาลนี้มาตลอด รวมถึงการที่ฝ่ายค้านพยายามแนะนำให้นายกทำงานตั้งคนให้เหมาะสมกับงาน แต่ทว่านายกรัฐมนตรีไว้ใจแต่คนรอบข้าง สนใจแต่คำเยินยอและเพิกเฉยต่อคำเตือนของฝ่ายค้าน ตนขอตั้งคำถามสั้นๆเพียงว่า ทำไมการปรับ ครม.ครั้งแรกและอาจเป็นครั้งเดียวของนายกรัฐมนตรี จึงนำพาปัญหามาให้ขนาดนี้ ถ้านายเศรษฐามีที่ปรึกษาหรือคณะทำงานดีจริง เรื่องกฏหมายควรเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรต้องทำให้เกิดความเสี่ยงในทุกกรณี ซึ่งเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่สถานการณ์นี้เกิดขึ้นกับนายกรัฐมนตรีที่พรรคผลักดันมาทำหน้าที่ในช่วงเวลาที่สำคัญยิ่งของการเมืองในภาพรวม
โฆษกไทยสร้างไทย กล่าวอีกว่า ในช่วงเวลาต่อจากนี้ นายเศรษฐาควรอยู่กับที่ เร่งทำงานแก้ข้อต่างเพื่อชี้แจงต่อศาลให้เรียบร้อย และวันนี้ควรต้องรู้ตัวแล้วว่า อำนาจอะไรบ้างที่ตนเองยังพอมีอยู่ในมือ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้ได้ หากยังตะลอนไปต่างประเทศในช่วงเวลานี้และปล่อยให้คณะทำงาน เดินเรื่องกฏหมายให้ ตนเชื่อว่าอาจเป็น 15 วันสุดท้ายในฐานะ นายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐาก็เป็นได้
” วันนี้ นายกเศรษฐา ต้องตาสว่างและหันมามองรอบตัวว่าใครคือคนที่หวังดีกับตนเอง เพราะสถานการณ์ตอนนี้ล่อแหลมต่อสถานะความเป็นนายกของคุณเศรษฐามากๆ การที่ฝ่ายค้านเตือน และขัดหลายๆเรื่อง ถ้าจะมองว่าเป็นเรื่องการเมืองก็ได้ แต่ให้พิจารณาให้ดี ว่าสิ่งที่ตักเตือนเอาไว้ มันเป็นเท็จหรือมันเป็นจริง คำพูดที่ยกยอ บางทีมันก็เป็นการวางยาพิษต่อท่านได้ วันนี้นายกจึงอย่าใจแข็งพูดว่าจะทำงานต่อ เพราะสถานะตัวเองแม้จะยังไม่ถูกตัดสินว่าผิด แต่ตอนนี้เปรียบเหมือนถูกจับพาดเขียงเป็นที่เรียบร้อย ” โฆษก ไทยสร้างไทย กล่าว