เบสท์ วงศ์ไพโรจน์กุล รองโฆษกและคณะทำงานด้านความหลากหลายทางเพศ พรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยภายหลัง การเยือนประเทศมาเลเซีย และมีโอกาสเข้าหารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางการเมืองกับ เช็ด ซัดดิค บิน เช็ด อับดุล ราห์มาน (Syed Saddiq Syed Abdul Rahman) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเยาวชนและกีฬา อดีตนักเคลื่อนไหวทางกิจกรรมชาวมาเลเซีย ซึ่งเป็นรัฐมนตรีที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยก้าวขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีในวัยเพียง 25 เท่านั้น
เบสท์ วงศ์ไพโรจน์กุล ได้พูดคุยแลกเปลี่ยน ถึงสถานการณ์ของสังคมผู้สูงวัยในประเทศไทย และการลดจำนวนผู้สูงวัยของประเทศไทย โดยชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบันไทยเป็นประเทศ ที่มีผู้สูงวัยเต็มขั้น และจะเป็นประเทศสูงวัยขั้นสุดยอดในปี 2030 หรือมีผู้สูงวัยถึง 28% ของประชากร
สถานการณ์ของผู้สูงอายุไทยมีลักษณะ ”แก่จนเจ็บ“ คือสังคมผู้สูงอายุที่มีแต่โรคสุขภาพไม่แข็งแรง ไม่มีเงินและสวัสดิการยามแก่ชราอย่างเพียงพอต่อการยังชีพ จึงทำให้กำลังซื้อของผู้สูงอายุไทยลดลง พรรคไทยสร้างไทยจึงเสนอบำนาญประชาชน 3,000 บาท เพื่อแก้ปัญหา สังคมผู้สูงวัย โดยเงิน 3,000 บาทจะให้พร้อมหน้าที่ โดยเฉพาะการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง กลับมาทำงานได้ สร้างรายได้ไม่เป็นภาระลูกหลาน และจะเป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้ประเทศ
นอกจากนี้ยังกล่าวชื่นชมมาเลเซีย และผู้นำประเทศมาเลเซีย ที่มุ่งมั่นพัฒนาประเทศไปสู่การเป็นประเทศที่หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง และเป็นประเทศรายได้สูง ซึ่งส่วนหนึ่งเชื่อว่ามาเลเซียมีจุดเด่นมากตรงการเมืองที่มีเสถียรภาพ และประเทศมาเลเซียก็ไม่เคยมีการทำรัฐประหาร
ขณะเดียวกัน ผู้มีอำนาจของมาเลเซีย ก็ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรชาวมาเลเซียอย่างมาก ยืนยันได้จาก มหาวิทยาลัยของมาเลเซีย อยู่ใน Ranking ของการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในอาเซียน โดยเป็นรองแค่ประเทศสิงคโปร์เท่านั้น ตนเชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้ผู้มีอำนาจ ฝ่ายบริหารของไทย ต้องศึกษาและนำมาต่อยอดการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะในแง่ของการพัฒนาเศรษฐกิจ การพัฒนาศักยภาพของบุคลากร