นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และกรรมาธิการงบประมาณปี 2567 ชื่นชมสื่อมวลชนที่เกาะติดข่าวโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง และโรงงานในเครือที่จ.พระนครศรีอยุธยา ลักลอบทิ้งสารเคมีโดยไม่ผ่านการบำบัด ณ บริเวณพื้นที่โรงงาน ทั้งในดินและไหลไปตามลำน้ำสาธารณะ ล่าสุดมีการตรวจพบนำสารเคมีร้ายแรงที่ไม่ผ่านการบำบัดไปลักลอบทิ้งที่ “กลางดง” นครราชสีมา ตนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรงมาก แต่รัฐบาลกลับดำเนินการแก้ไขล่าช้ามาก
.
รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยของประชาชนเป็นเรื่องเร่งด่วน “ประชาชนต้องมาก่อน” เพราะหากพิษของสารเคมีร้ายแรงแพร่กระจายลงดิน แหล่งน้ำสาธารณะ และน้ำใต้ดินแล้ว ผลกระทบร้ายแรงจะตกกับประชาชนตาดำ ๆ ในพื้นที่นั้นต้องรับเคราะห์กรรมที่ตนเองไม่ได้ก่อ
.
ที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในการขจัดสารเคมีร้ายแรงยังไม่เบ็ดเสร็จเพราะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก งบปกติของกระทรวงอุตสาหกรรมถ้าไม่ได้ตั้งไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ไม่อาจแก้ไขได้เบ็ดเสร็จ และถ้าจะใช้งบปกติในปี 2568 ก็จะไม่ทันการ สารเคมีร้ายแรงจะแพร่กระจายไปยังดิน แหล่งน้ำสาธารณะ และน้ำใต้ดินมากยิ่งขึ้น
.
ทางออกในเรื่องนี้ก็ คือ รัฐบาลต้องอนุมัติงบกลาง เพื่อรีบดำเนินแก้ไขภัยพิบัติดังกล่าว แล้วค่อยไล่เบี้ยเอากับโรงงานอุตสาหกรรมต้นเหตุ
.
“งบกลาง” มีไว้เพื่อช่วยประชาชนยามมีภัยพิบัติฉุกเฉิน ไม่ว่าประชาชนจะอยู่จังหวัดไหนก็คนไทย และไม่ว่ากระทรวงอุตสาหกรรมจะอยู่ในการกำกับ ดูแลของพรรคไหน ก็อยู่ในรัฐบาลนี้
.
ตนไม่อยากเห็น “งบกลาง” มีไว้เพื่อประโยชน์ของพวกพ้อง โดยทำโครงการที่อ้างว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน ฉุกเฉิน แต่ไม่ฉุกเฉินเดือดร้อนจริงเหมือนเช่นที่ชาวบ้านได้รับพิษภัยจากสารเคมีร้ายแรงอยู่ในขณะนี้ เรื่องนี้ จะพิสูจน์ว่า “ประชาชนต้องมาก่อน” หรือ”หัวใจ คือ ประชาชน” จริงหรือไม่