คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ย้ำถึงจุดยืนที่ไม่รับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายปี 2568 เพราะเป็นการจัดงบที่ไม่ได้แตกต่างไปจาก การทำงบในยุครัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร จัดงบแบบเก่าเหมือนในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ให้ความสำคัญกับการทำโครงสร้างพื้นฐานเรื่องการคมนาคมถนนสะพาน ซึ่งจัดงบกว่าแสนล้าน เพื่อเอื้อสส.พื้นที่ มากกว่าการพัฒนาโครงสร้างด้านเทคโนโลยี ที่จัดงบไว้เพียงหลักพันล้าน
.
ตามที่ผู้แทนพรรคไทยสร้างไทยคือ นายฐากร ตันฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ และที่ปรึกษา ของพรรคฯ ได้อภิปรายในสภา ว่ามีการกู้กว่า800,000ล้าน เพื่อชดเชยการตั้งงบขาดดุล ซึ่งกู้สูงสุดในรอบ 36 ปี โดยถมงบไปไว้ในส่วนของงบกลาง กว่า 800,000 ล้าน ซึ่งเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ทั้งที่คนในพรรคเพื่อไทยเคยด่าพลเอกประยุทธ์ ว่าเป็นนักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา
.
ซึ่งนายฐากร ได้อภิปรายไว้แล้วว่าเป็นการจัดงบ ที่มีความสุ่มเสี่ยง จะขัดต่อพรบ.วินัยการคลัง จนตั้งฉายาว่า เป็นรัฐบาล”กู้ฉ่ำ กระเป๋าฉีก” จัดงบซิกแซกไต่เส้นลวด กล้าฝืนจัดงบที่มีความเสี่ยง ต่อการสร้างความเสียหาย ต่อระบบเศรษฐกิจ กระทบวินัยการเงินการคลังของประเทศในระยะยาว ทั้งที่รัฐบาลทราบดีว่าการจัดเก็บรายได้พลาดเป้า มุ่งทำดิจิทัลวอลเลท โดยซ่อนงบกว่า 1.5 แสนล้านไว้ในส่วนของงบกลาง ซึ่งอาจขัดต่อพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ ปี 2561
.
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า เมื่อมาดูรายละเอียดในการจัดงบเชิงยุทธศาสตร์พบว่า รัฐบาลยังให้ความสำคัญ กับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง เช่นเดียวกับรัฐบาลยุคคสช. โดยจัดงบในส่วนดังกล่าวไว้สูงถึง 4 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงกว่ายุทธศาสตร์ด้านการสร้างความขีดสามารถในการแข่งขันของประเทศ การพัฒนาทักษะที่รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ รวมถึงการพัฒนาทักษะและสามารถในการผลิตสินค้าที่โลกต้องการ
.
นอกจากนี้ยังพบว่างบยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง ยังสูงกว่า งบยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโต บนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญต่อ คุณภาพชีวิต และระบบเศรษฐกิจในปัจจุบัน
.
ขณะเดียวกันยังพบอีกว่าการจัดงบครั้งนี้ไม่ให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ การปฏิรูปการศึกษา การแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ ละเลยการดูแล SMEs และสนับสนุนคนตัวเล็กให้ยืนอยู่บนขาของตัวเองได้อย่างยั่งยืน
.
หากนำมาเปรียบเทียบกับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่นงบซ่อมแซมถนน ปรับปรุงเส้นทางหรือปรับปรุงการก่อสร้างสะพานต่างๆ สูงถึงกว่าแสนล้าน เพิ่มขึ้นถึง 5.4% แต่งบในการพัฒนาศักยภาพของคนตัวเล็ก SMEs มีเพียง 4000 กว่าล้านเท่านั้น
.
ดังนั้นการจัดงบเช่นนี้ไม่ได้สร้างบริบทที่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทย ให้ทันโลกยุคใหม่ที่เป็นโลกแห่งเทคโนโลยี เป็นการจัดงบที่ไม่ดูทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลก แต่ผู้มีอำนาจก็ยัง จัดงบแบบโบราณมุ่งเอาใจสส.พื้นที่ เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนพรรคพวก
.
คุณหญิงสุดารัตน์ระบุด้วยว่า พรรคไทยสร้างไทย ไม่รับหลักการ เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งเป็นไปตามที่ เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย สส.ชัชวาล แพทยาไทย อภิปรายชี้ให้เห็น ว่า การจัดงบปี 2561 เป็นการจัดงบที่ผิดฝาผิดตัว ไม่ตอบโจทย์เปิดช่องให้เกิดการทุจริตมากมาย เช่นในกองทัพอากาศตั้งงบจัดซื้อวิทยุสื่อสารแพงเกินจริง และเชื่อว่าเป็นฝีมือของไอ้โม่งคนเดิม ที่มีคดีทุจริตอยู่ในปปช. ขณะที่กองทัพเรือ ก็ประเคนการปรับปรุงเรือรบให้ต่างชาติ ทั้งที่ไทยทำเองได้ พรรคไทยสร้างไทยจึงเรียกร้องให้รัฐมนตรีกลาโหม สนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย เพื่อพึ่งพาตนเอง ซึ่งจะทำให้การตรวจสอบการใช้งบ มีประสิทธิภาพโปร่งใสมากขึ้น