นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงสถานการณ์ของนโยบายดิจิตอลวอลเลท ที่ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องกำหนดเวลาการลงทะเบียนร้านค้า รวมถึงข้อกำหนดต่างๆ ทั้งสินค้าที่เข้าร่วมโครงการ รวมถึงยังไม่มีความคืบหน้าอื่นๆจากทางกระทรวงการคลังด้วยนั้น ตนขอให้ข้อสังเกตว่ารัฐบาลพยายามขยับไทมไลน์มาโดยตลอด การเลื่อนโครงการโดยอ้างว่ากำลังรวบรวมข้อมูลและเงื่อนไขต่างๆนั้น เป็นเพียงข้ออ้าง เพราะในขณะนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่างบที่จะใช้ทำดิจิตอลวอลเลทส่วนใหญ่ถูกนำไปซ่อนไว้ที่งบกลางของปี 68 ในช่วงการอภิปรายงบประมาณที่ผ่านมาแม้แต่สส.จากพรรคร่วมรัฐบาลเองก็มีความพยายามสะท้อนปัญหาของแต่ละกระทรวงว่าต้องการงบประมาณที่เหมาะสมเพิ่มขึ้น แต่สถานการณ์จริงกลับต้องถูกบีบรัดด้วยนโยบายดิจิตอลวอลเลท
.
ดังนั้น ตนมั่นใจว่า การที่เลื่อนโครงการออกไปราวสามเดือนนั้น ก็เพื่อที่จะให้การจัดทำงบประมาณปี 68 นั้นเป็นที่เรียบร้อยในวาระสองและสามก่อน เพื่อจะได้เจรจาต่อรองนำเอาดิจิตอลวอลเลทเข้า ครม.เพื่อขอมติที่ประชุมได้ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นมีแต่เพียง นรม.และ รมช. คลัง ที่ยืนยันว่า ครม.เห็นชอบ แต่ประชาชนยังไม่เห็นมติครม. หรือการสนับสนุนนโยบายนี้จากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการเลย นอกเหนือไปจากคำว่า”สนับสนุนทุกโครงการของรัฐบาลหากไม่ผิดกฏหมาย”
.
” วันนี้ กระทรวงพาณิชย์เป็นประตูบานเลื่อน บานสุดท้ายที่ใช้ได้ เพราะกระทรวงการคลังและนายกเศรษฐา ก็เริ่มยื้อไว้ไม่ได้แล้ว เพราะเข้าสู่ไตรมาสสาม ที่รัฐบาลให้สัญญาประชาคมไว้ว่า จะเริ่มเดินหน้าโครงการได้ในขั้นตอนการลงทะเบียน จนกระทั่งวันนี้ประชาชนยังไม่เห็นความคืบหน้าอะไรทั้งสิ้น จึงควรจับตาดูว่า รัฐบาลจะหาทางออกเรื่องนี้อย่างไร และจะยื้อไว้ได้นานแค่ไหน” โฆษกไทยสร้างไทยกล่าว
.