รัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรม และมาตรา 112 ตามหา “หัวใจของปัญหา” บ้านเมือง

ข่าวสาร

ผมมีความเชื่อโดยสุจริตใจจากประสบการณ์อายุ การรับราชการ และการทำงานการเมือง ผ่านและเห็นวิกฤติการณ์ของบ้านเมืองมาหลายครั้ง หลายครา ได้ข้อสรุปว่า ในแต่ละยุคสมัย ล้วนมีปัญหามากมายร้อยแปดพันประการให้ผู้บริหารและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องคิด และวิเคราะห์เพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหาเพื่อบ้านเมือง เพื่อส่วนรวม หลายปัญหาใช้เวลานานนับสิบๆปีถึงหาทางออกจากปัญหาได้ เช่น ปัญหาความขัดแย้งทางความคิดจนนำไปสู่การจับอาวุธสู้กับรัฐในปี 2508 ยุติลงในปี 2523 ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 66/2523 สามารถนำ ผรท.ออกจากป่ามาร่วมพัฒนาชาติไทย ด้วยการน้อมนำคุณธรรม “เมตตาและอภัย” มาใช้ในการแก้ไข “ปัญหาความขัดแย้ง” ซึ่งเป็นหัวใจของปัญหาของบ้านเมืองในขณะนั้น
.
หากหาทางออกหรือ “หัวใจของปัญหา” ไม่เจอ การแก้ปัญหาก็เสมือนวนอยู่ในอ่าง ไม่อาจแก้ปัญหาได้ วนไป วนมา เหมือนงูกินหาง ดังนั้นในปัญหาร้อยแปดพันประการของประเทศในปัจจุบัน เราต้องหา “หัวใจของปัญหา” ให้ได้ ถึงจะแก้ปัญหาได้ตรงจุด สามารถหาทางออกจากปัญหาได้
.
หลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองด้วยการรัฐประหารในปี 2549 ถึงปัจจุบัน ปี 2567 เป็นเวลาเกือบ 20 ปี ผมเห็นว่ามีปัญหาหลักที่เป็น “หัวใจของปัญหา” คือ รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่เป็นธรรม และอำนาจอธิปไตยไม่เป็นของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง
.
อีกปัญหาหนึ่ง ซึ่งเป็นปัญหารอง ที่สามารถพัฒนาเป็นปัญหาหลักได้โดยง่าย คือ “ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง” เพราะหลังรัฐประหารในปี 2557 คณะผู้ก่อการรัฐประหารสามารถนิรโทษกรรมตนเองและพวกพ้องได้ทันที แต่ภาคประชาชนที่ผ่านการเลือกตั้ง ผ่านพรรคการเมืองเป็นตัวแทนประชาชน ทำรายงานการศึกษาผ่านคณะกรรมาธิการ ฯ และได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นเอกฉันท์ให้มีการนิรโทษกรรมคดีการเมือง คดีอาญาที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ยกเว้นไม่นิรโทษกรรมคดีทุจริต และคดีความผิดตามมาตรา 112 ซึ่งที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ให้ความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์
.
แต่เมื่อส่งรายงานดังกล่าวไปยังรัฐบาลซึ่งมาจากการสืบทอดอำนาจกลับเก็บรายงานที่สภาฯ ให้ความเห็นชอบเข้าลิ้นชัก ไม่ไปดำเนินการต่อตามความเห็นของสภาฯ ทุกพรรคการเมืองที่ให้ความเห็นชอบดังกล่าว ล้วนยังอยู่ในสภาฯ ชุดปัจจุบันทั้งสิ้น
.
ณ สถานการณ์ปัจจุบัน มีคดีความผิดตามมาตรา 112 เพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ถูกกล่าวหา และผู้ต้องโทษส่วนใหญ่เป็นเยาวชน จึงเป็นโจทย์เพิ่มขึ้นที่ภาคส่วนต่าง ๆ จะต้องร่วมกันหาทางออก
.
ผมได้มีส่วนเสนอความเห็นต่อทางพรรคว่า ในฐานะที่พรรคไทยสร้างไทยเป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขควรแสดงจุดยืนทางการเมืองต่อการหาทางออกจากปัญหาสำคัญดังกล่าวทั้งสองปัญหา ขณะเดียวกันเมื่อเป็นปัญหาสำคัญของบ้านเมืองสมควรจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อร่วมมือกันเสนอทางออกในการแก้ปัญหาต่อรัฐบาล สภา ฯ และเปิดเผยต่อสาธารณะ
.
พรรคไทยสร้างไทยจึงจัดให้มีการเสวนาทางวิชาการเพื่อรับฟังความเห็นจากพรรคการเมือง นักวิชาการ ตลอดจนภาคส่วนต่าง ๆ ที่สนใจโดยมีกำหนดการเสวนาในวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 ระหว่างเวลา 08.30 – 12.00 น. ณ ห้อง CB 410
อาคารรัฐสภา รายละเอียดตามเอกสาร ปชส.ที่แนบ
.
ขอเรียนเชิญท่านผู้สนใจปัญหาบ้านเมืองร่วมรับฟังและเสนอความคิดเห็นเพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมืองร่วมก้นครับ
.
ดร.โภคิน พลกุล
ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย

ร่วมแบ่งปันนโยบาย:

Facebook
Twitter

ข่าวสารน่าสนใจอื่น ๆ

ข่าวสาร
“เลขาธิการไทยสร้างไทย” ย้ำแม้การเมืองเปลี่ยน-สมาชิกบางส่วนย้ายพรร...
ข่าวสาร
“ภัชริ” ชี้งบปี 69 ขาดดุล 8.6 แสนล้าน สะท้อนวิกฤตการคลัง-เศรษฐกิจ...
ข่าวสาร
"ไทยสร้างไทย" จี้รัฐเร่งใช้ สมุดพกผู้รับเหมา หลังอุบัติเหตุก่อสร้...
ข่าวสาร
“เลขาธิการไทยสร้างไทย” ย้ำแม้การเมืองเปลี่...
ข่าวสาร
“ภัชริ” ชี้งบปี 69 ขาดดุล 8.6 แสนล้าน สะท้...
ข่าวสาร
"ไทยสร้างไทย" จี้รัฐเร่งใช้ สมุดพกผู้รับเห...
ข่าวสาร
โฆษกพรรคไทยสร้างไทย แจงกรณี “อนุดิษฐ์-การุ...
ติดตามทางโซเชียลมีเดีย