คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรเตรียมรับไม้ต่อจากรัฐบาล พิจารณาเรื่องด่วน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอวงเงิน 122,000 ล้านบาท เพื่อนำไปทำโครงการ ดิจิทัล วอลเล็ท แจกเงิน10,000บาท โดยเงินที่จะนำมาแจกต้องกู้ทุกบาท แม้จะลดเหลือวงเงินรวม 450,000 ล้านบาท เพราะหาแหล่งเงินได้ไม่เพียงพอก็ตาม
หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยเห็นว่า เงินที่จะกู้มาแจกถึง 450,000 ล้านบาทนั้น เท่ากับ 2.5% ของ GDP แต่รัฐบาลบอกว่าจะสามารถ เพิ่ม GDP ได้ 1.2-1.8% และจะเป็นการโตเพียงช่วงสั้นๆ เพราะเป็นการแจกเงิน ที่ใช้แล้วหมดไป ไม่ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ หรือปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน จึงทำให้เกิดความห่วงใยว่า โครงการนี้ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะเงินกู้จำมหาศาล จะกลายเป็นภาระหนี้ให้กับประเทศ และคนไทยไป ชั่วลูกชั่วหลาน
โดยเฉพาะเมื่อเรา พิจารณาสถานการณ์ของ หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประวัติการณ์ในปัจจุบัน ถือเป็นสัญญาณอันตรายอย่างยิ่ง เพราะตัวเลข พุ่งไปที่ 91% หรือเท่ากับ 16.3 ล้านล้านบาท และที่สาหัสไปกว่านั้นคือ สินเชื่อรวมภายใต้ข้อมูลของเครดิตบูโร 13.6 ล้านล้านบาท กลายเป็นหนี้เสียไปแล้วถึง 1.09 ล้านล้านบาท หากเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาที่หนี้เสียอยู่เพียง 1.05 ล้านล้านบาทเท่านั้น สะท้อนว่าหนี้เสียยังคงพุ่งต่อเนื่อง
ดังตัวเลขที่ปรากฎคือ หนี้เช่าซื้อรถยนต์ เป็นหนี้เสียถึง 2.38 แสนล้านบาท เติบโตขึ้นต่อเนื่อง 32% และหนี้ที่อยู่อาศัยอีก 1.99 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 18.2% สินเชื่อบุคคลอีก 2.6 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 12% และบัตรเครดิต 6.3 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 14.6% ขณะที่หนี้ที่กำลังจะเสีย แต่ไม่เกิน 90 วัน หรือกลุ่ม SM เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.4 แสนล้านบาท ทั้งหมดยังไม่นับรวมหนี้นอกระบบที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขได้ แม้จะมีโครงการออกมาแก้ปัญหาก็ตาม