รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เตือนสติรัฐบาล ฝืนเดินหน้าแจกเงินหมื่นบาท ทำประเทศเสียวินัยการคลัง แถมส่งมอบมรดกหนี้ให้ลูกหลาน ระบุงบกลางลดอย่างมีนัยยะ หวั่นไม่พอหากเกิดกรณีฉุกเฉิน ขอโฟกัสปัญหาประเทศให้ถูกจุด หลังคนไทยเผชิญวิกฤตหนี้ท่วมหัว แนะเติมทุน มอบเครดิตให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุน ขอผู้มีอำนาจช่วยจริงใจ ไม่ใช่มุ่งออกแต่นโยบายสร้างภาพ

ข่าวสาร

นายนพดล มังกรชัย รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย มองว่าการนำเงินงบประมาณ 450,000 ล้านบาท ไปใช้ลงทุนในโครงการ เติมเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท จะก่อให้เกิดภาระทางการคลังมหาศาลในระยะยาว ทำให้หนี้สาธารณะคงค้างในอนาคตของไทยพุ่งเกินกรอบวินัยการเงินการคลัง หรือเกินกว่า 70% ของ GDP
.
ข้อมูลล่าสุด 31 มี.ค. 2567 ไทยมียอดหนี้สาธารณะคงค้างอยู่ที่ 11.47 ล้านล้านบาท(หรือ 63.67% ของ GDP) หากมีการใช้เงิน 450,000 ล้านบาท เพื่อแจกในโครงการดิจิทัล วอลเล็ตไป คาดว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่67% ของ GDP เข้าใกล้เพดาน 70% แบบฉิวเฉียด เมื่อไปถึงจุดนั้นก็จะส่งผลกระทบต่อวินัยทางการคลังของรัฐบาลที่ต้องตามชำระหนี้ในระยะยาว ส่งมอบมรดกให้ลูกหลานคนไทยต้องรับภาระหนี้ไปอีกนาน ทั้งยังส่งผลให้ความสามารถในการดำเนินนโยบายการคลังอื่นของรัฐบาลลดลงอย่างแน่นอน
.
หลายหน่วยงาน รวมถึง ธปท.เคยออกมาเตือนว่าการเดินหน้านโยบายเสี่ยงทำให้งบประมาณไม่เพียงพอในภาวะฉุกเฉิน การเพิ่มวงเงินกู้ปีงบประมาณ 2568 จนเกือบเต็มกรอบที่กฎหมายกำหนด ทำให้เหลือวงเงินกู้ได้อีกราว 5,000 ล้านบาท เทียบกับวงเงินคงเหลือเฉลี่ยในปีก่อนหน้า ที่มากกว่า 100,000 ล้านบาท นอกจากนี้ การจัดสรรวงเงินจากงบประมาณปี 2567 ทำให้งบกลางสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตัวเลขลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จนอาจไม่เพียงพอรองรับกรณีฉุกเฉิน
.
นายนพดล ระบุด้วยว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจให้รายได้ประชาชาติ (GDP) ขยายตัวโดยรัฐแจกเงินจำนวน 450,000 ล้านบาท เข้าไปในระบบเป็นการคาดหวังที่เกินจริงไปมาก เพราะปัจจุบันมีข้อมูลเชิงประจักษ์จากงานวิจัย ทำให้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าตัวทวีคูณทางการคลัง (fiscal multiplier) ที่เกิดจากการใช้จ่ายของรัฐในลักษณะเงินโอนหรือการแจกเงินมีค่าน้อยกว่า 1% ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับตัวทวีคูณของการใช้จ่ายผ่านเงินเครดิตประชาชน และการแก้หนี้เติมทุนอย่างเป็นระบบ
.
รัฐบาลแจกเงิน 10,000 บาท โดย“ต้องกู้มาแจก” แม้ว่าขณะนี้จะลดวงเงินเหลือ 450,000 ล้านบาท เพราะใกล้ชนเพดานเงินกู้ แต่เงินที่จะกู้มาแจกนี้สูงถึง 450,000 ล้านบาท หรือเท่ากับ 2.5% ของ GDP โดยรัฐบาลบอกว่าจะสามารถ เพิ่ม GDP ได้ 1.2-1.8% และจะเป็นการโตเพียงช่วงสั้นๆ เพราะเป็นการแจกเงินที่ใช้แล้วหมดไป ไม่ได้ทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ หรือปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน สุดท้ายอาจได้ไม่คุ้มเสีย เพราะเงินกู้จำนวน 450,000 ล้านบาท จะเป็นภาระหนี้ให้กับประเทศและคนไทยไปชั่วลูกชั่วหลาน
.
ตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลกลับมาทบทวนปัญหาที่แท้จริง โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก SMEs จำนวนมาก เป็นหนี้ท่วมหัวและกำลังจะเข้าสู่ภาวะหนี้เสียและล้มละลายในที่สุด วิกฤติครั้งนี้ไม่ใช่แค่วิกฤติเศรษฐกิจ แต่เป็นวิกฤติชีวิตของคนจำนวนมาก ปัญหาชีวิตเกิดกับคนรากหญ้า คนทำมาหากินระดับล่าง ผู้ประกอบการ SMEs รายเล็กรายย่อย เศรษฐีหรือบริษัทใหญ่ๆ ไม่มีปัญหา ไม่ได้รับผลกระทบ
.
ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องให้ความสำคัญมาแก้ปัญหาให้คนตัวเล็กเหล่านั้น ทำให้เขาสามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้ เข้ามาแก้ปัญหาปรับโครงสร้างหนี้ ต่อชีวิตให้เขาเหล่านั้น ทำให้สามารถทำมาหากินต่อไปได้ เอาเงินมา แก้หนี้ – เติมทุน ปรับโครงสร้างหนี้ และมอบ เครดิตให้ประชาชน ปรับเปลี่ยนกระบวนการสินเชื่อให้ผ่อนคลาย ให้ประชาชนเข้าถึงได้ ช่วยคนจริงๆ ไม่ใช่แค่เพียงแค่สร้างภาพ
.

ไทยสร้างไทย #GDP #หนี้เสีย #กองทุนเครดิตประชาชน #ดิจิทัลวอลเล็ท

ร่วมแบ่งปันนโยบาย:

Facebook
Twitter

ข่าวสารน่าสนใจอื่น ๆ

ข่าวสาร
โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ชี้ รัฐบาลส่อ "ถังแตก" เตรียมกู้เงินครั้งใหญ่...
ข่าวสาร
พรรคไทยสร้างไทย ร่วมรำลึกเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 ย้ำเดินหน้าแก้ร...
ข่าวสาร
“ชัชวาล ไทยสร้างไทย” หารือสภาฯ หนุนจัดตั้ง “ศูนย์กู้ภัยแห่งชาติ” ...
ข่าวสาร
โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ชี้ รัฐบาลส่อ "ถังแตก"...
ข่าวสาร
พรรคไทยสร้างไทย ร่วมรำลึกเหตุการณ์ 10 เมษา...
ข่าวสาร
“ชัชวาล ไทยสร้างไทย” หารือสภาฯ หนุนจัดตั้ง...
ข่าวสาร
"พรรคไทยสร้างไทย" เปิดบ้านต้อนรับนักศึกษาม...
ติดตามทางโซเชียลมีเดีย