นายชัชวาล แพทยาไทย เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึง สถานการณ์ของทุนจีน ที่ทะลัก เข้ามาในทุกช่องทาง ส่งผลต่อธุรกิจของ พี่น้องประชาชนคนตัวเล็ก SMEs โดยไร้มาตรการในการควบคุม จนทำให้ประเทศไทย ในช่วง 6 เดือนแรก ของปี2567 ขาดดุลทางการค้าให้กับจีนกว่า 7.2แสนล้านบาท และจนถึงขณะนี้ ยังไม่เห็นการตั้งรับของรัฐบาล และกระทรวงพาณิชย์โดยเฉพาะนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ออกมายอมรับว่า แพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซอย่าง Temu ไม่ได้จดทะเบียนในไทยจึงไม่เข้าข่ายเสียภาษี รวมถึงท่าทีของนายภูมิธรรม ที่ไม่มีความชัดเจนในการแก้ปัญหาทุนจีนทะลัก เพราะกลัวกระทบการส่งออกนั้น
.
ทำให้ผู้ประกอบการไทย เดือดร้อนทั้งแผ่นดินเนื่องจากผู้ค้าต้องเผชิญกับ กลยุทธ์การขายสินค้าราคาถูก ในด้านผู้บริโภคก็เผชิญความเสี่ยงของสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพและมาตรฐานอุตสาหกรรมหลุดเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอยู่ในทุกมุมเมือง โดยที่ประเทศไทยไม่ได้ประโยชน์จากการเข้ามาค้าขาย เพราะจีนใช้กลยุทธ์จากที่เคยร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการไทย แต่ปัจจุบันจีนจะเข้ามาลงทุนเอง ควบคุมธุรกิจในทุกกระบวนการ ผลกระทบไปถึง 23 อุตสาหกรรมเช่น การท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ ขนส่งเดินรถ ธุรกิจผลไม้ อีคอมเมิร์ซ หรือค้าปลีก ที่เห็นได้ในทุกมุมเมืองขณะนี้
.
นายชัชวาล ย้ำว่า จุดยืนของพรรคไทยสร้างไทย ไม่มีนโยบายที่จะกีดกันทางการค้า แต่การเข้ามาของทุนจีน จะต้องเข้ามาอย่างถูกต้อง และเป็นธรรมกับผู้ประกอบการไทย เป็นธรรมกับธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศไทย เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจของไทย และทุนจากต่างชาติสามารถเติบโตได้ในไทยอย่างมีอนาคตไปพร้อมกัน
.
พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่า รัฐบาลจำเป็นต้องออกมาตรการในการป้องกันสินค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์จากต่างประเทศ เช่น การปรับมาตรการด้านภาษีนำเข้า ปรับกฎหมายอีคอมเมิร์ชใหม่ โดยต้องระบุแหล่งต้นกำเนิดของสินค้าให้ชัดเจน ห้ามขายสินค้าที่มีราคาต่อชิ้น ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อป้องกันไม่ให้ร้านค้าจากจีนทุบราคาร้านค้าท้องถิ่นรายย่อย ที่สำคัญต้องขึ้นทะเบียนและมีใบอนุญาตการค้าขายในประเทศ โดยปฏิบัติตามกฎเดียวกับผู้ค้าในประเทศ และใช้บัญชีธนาคารของประเทศไทยในการทำธุรกรรมเป็นต้น
.
เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ย้ำว่าจะนำข้อมูล จากการลงพื้นที่ของทีมพรรค ออกมาเปิดเผยต่อสภา โดยเฉพาะความไม่ชอบมาพากล ของสินค้าจีนบางประเภท ที่ถูกนำเข้ามาวางขายในลักษณะที่เป็นสินค้าเถื่อน ไม่มีอย. ไม่มี มอก. ไม่มีสลากภาษาไทย ใบเสร็จออกเป็นภาษาจีน เงินวนกลับไปประเทศจีน แต่สามารถวางขายได้โดยไม่มี เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปตรวจสอบ หรือเข้าไปแล้วกลับไม่ได้เอาผิดดำเนินคดี ปล่อยให้วางขายเกลื่อนทุกมุมเมือง ซึ่งส่อว่าอาจรู้เห็นเป็นใจหรือมีการเรียกรับผลประโยชน์ แล้วปล่อยให้ธุรกิจเหล่านั้นเดินหน้าต่อไปซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหรือ”นายภูมิธรรม” อาจยังมองไม่เห็น