นายภัชริ นิจสิริภัช คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ และ เหรัญญิกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวภายหลังการรับฟัง การแสดงวิสัยทัศน์ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่ามีประเด็นและหลายเรื่องที่น่าสนใจ พร้อมชื่นชมว่ามีวิสัยทัศน์ดี หลายด้านและหากทำได้ถือเป็นสิ่งดีสำหรับประเทศไทย
.
แต่วิสัยทัศน์ ส่วนใหญ่จะเป็นการฉายภาพเอื้อนายทุนใหญ่ทั้งสิ้น จำเป็นต้องมีการท้วงติง เช่นกรณี ความเห็นต่อการเวนคืนรถไฟฟ้า หรือซื้อสัญญาสัมปทานคืนจากเอกชนเพื่อให้ รัฐเป็นผู้บริหารเอง หรือ จ้างเอกชนบริหาร โดยมีเป้าหมาย การเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายที่หาเสียงไว้
.
ขอตั้งคำถามว่า แนวคิดดังกล่าว ประโยชน์สูงสุด เป็นไปเพื่อประชาชนหรือเพื่อนายทุนเจ้าของสัมปทานแน่ เพราะโดยปกติการลงทุนระยะยาวอย่างรถไฟฟ้า ที่มีมูลค่านับหมื่นล้านหรือหลายหมื่นล้านบาทนั้น เอกชนย่อมแสวงหากำไร แต่ต้องรอในระยะเวลาหนึ่งจึงจะคืนทุน
.
สำหรับค่าโดยสาร คือเงื่อนไขสำคัญที่ระบุไว้ในสัญญาสัมปทาน และเป็นเรื่องปกติที่รัฐจะได้ค่าสัมปทานเก็บรายได้เข้าคลัง โดยเอกชนจะบริหารภายใต้สัญญาระยะยาวซึ่งการลงทุนแบบนี้ ต้องวิเคราะห์ความคุ้มค่าอย่างรอบคอบ หากทำดีมีคนใช้บริการมากก็จะคืนทุนไว แน่นอนว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ดังนั้นการที่รัฐให้สัมปทานกับเอกชน คือการลดความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ไม่ต้องแบกภาระเอง ไม่ต้องบริหารเอง
.
กลับกันหากรัฐมีแนวคิดไปเวนคืน หรือ ซื้อกิจการกลับมาบริหารเอง ตามแนวคิดของอดีตนายกทักษิณ เพื่อลดราคาค่าโดยสารให้ เป็นไปตามนโยบายหาเสียง อาจหมายถึงเอาเงินก้อนใหญ่จากภาษีของประชาชนไปให้เอกชน แน่นอนว่าไม่มีใครยอมถูกเวนคืนในราคาขาดทุน นอกจากเอกชนไม่ต้องแบกภาระความเสี่ยงในการคืนทุนได้เงินก้อนโตในการซื้อสัมปทานคืน แถมจะได้เงินจากค่าบริหารจากภาครัฐอีกด้วย
.
“ถ้ารัฐยอมจ่ายสูงซื้อคืนกลับมา มันก็เหมือนเอื้อนายทุนเจ้าของรถไฟฟ้า เพราะตามสัญญากว่าจะได้เงินทุนคืนมันนาน แต่อยู่ๆรัฐมาเวนคืนในระยะเวลาอันสั้น เอกชนลูบปากสบายเลย เมื่อรัฐได้สิทธิบริหาร แน่นอนกำหนดค่าตั๋วเท่าใดก็ได้ เช่น20บาทตลอดสาย แต่หากทำไปแล้วขาดทุน สุดท้ายอาจเหมือน ขสมก.หรือ การรถไฟ ที่มีหนี้สะสมมหาศาล” นายภัชริ กล่าว
.
นายภัชริ ย้ำว่า ท้ายที่สุดรัฐอาจต้องเอาเงินภาษีของประชาชนไปอุ้ม ส่วนคนที่ยิ้มก่อน คือเจ้าของสัมปทานที่รัฐเอาเงินก้อนโตมาซื้อคืน และอาจจ้างบริหารต่ออีก ดังนั้นนโยบายนี้เอกชนอาจได้สองเด้ง จึงขอตั้งข้อสังเกต และความไม่สบายใจว่า ตกลงว่านโยบายนี้เอื้อนายทุนหรือประชาชนแน่
เพราะหากเกิดปัญหาการขาดทุนสะสม รัฐจะไปขายคืนเอกชน คงไม่มีใครกล้าซื้อในราคาสูง สุดท้ายก็จะกลายเป็นภาระทางการคลังและต้องนำเงินภาษีของพี่น้องประชาชนไปชำระคืน
.
ทั้งที่จริงยังมีวิธีอื่นที่จะลดค่าโดยสารลง ทั้งการที่รัฐคืนค่าส่วนแบ่งรายได้ให้ประชาชน รวมทั้ง เจรจากับเอกชนให้ลดกำไรบางส่วนจากการเก็บค่าโดยสารแพง โดยเฉพาะสายกลางเมืองที่ได้สัมปทานมาจนคืนทุนไปนานแล้ว ทั้งยังได้ต่อสัญญาที่ได้เปรียบรัฐจนเป็นภาระค่าโดยสารที่แพงเกินจริงจนถึงทุกวันนี้