นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรค และกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทยให้ความเห็นหลังมีพระบรมราชการโองการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าได้ติดตามความเห็นทางการเมืองของประชาชนมาเป็นเวลานานพบว่า คนไทยอยากจะเห็นการแก้ไข รธน.ให้เป็นประชาธิปไตย เป็นรัฐธรรมนูญที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง
นายชวลิต ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาของประเทศมีมากมาย แต่ถ้าจับ “หัวใจของปัญหา” ได้ และแก้ได้ตรงจุด ทันสถานการณ์บ้านเมืองก็จะได้รับความเชื่อมั่นทั้งจากประชาชนและนานาอารยประเทศ
“หัวใจของปัญหา” ทั้งมวล คือ รัฐธรรมนูญที่จะต้องมีที่มาจากประชาชน มีสาระที่เป็นธรรม เป็นประชาธิปไตย ที่สำคัญยึดโยงกับประชาชน วัฒนธรรมประเพณีของชาติ
แม้ทุกพรรคการเมืองจะรณรงค์หาเสียงที่จะเข้า มาแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน และแม้รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน จะกำหนดเป็นนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เวลาผ่านมา 1 ปี ก็ยังไม่มีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลบรรจุอยู่
ในระเบียบวาระการประชุมของรัฐสภาแต่อย่างใด มีเพียงร่างแก้ไขรายมาตราของพรรคการเมืองฝ่ายค้านเท่านั้น ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังที่รัฐบาลที่ผ่านมาไม่มีความจริงใจต่อประชาชน ที่สำคัญ ไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเองทั้งจากการรณรงค์หาเสียงและการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
จากสถานการณ์ดังกล่าว ตึความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย เมื่อรัฐบาลเข้ามามีอำนาจก็ไม่อยากแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จโดยเร็ว เพราะถ้ามีรัฐธรรมนูญใหม่ มีกติกาใหม่ ก็ต้องมีการเลือกตั้งภายใต้กติกาใหม่ ซึ่งต้องอาจมีการยุบสภาก่อนหมดวาระเพื่อมีการเลือกตั้งภายใต้กติกาใหม่
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมี “ปัจจัยเวลา” บังคับ เพราะเหลือเวลาอีกเพียง 3 ปีก็จะหมดวาระ ถ้ารัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ไม่นำประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วน การเลือกตั้งทั่วไปคราวหน้าก็จะใช้กติกาเดิม คือ รัฐธรรมนูญปี 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง
นายชวลิต ฯ กล่าวในท้ายที่สุดว่า ผมอยากจะให้ประเด็นที่ผมคาดการณ์หรือวิเคราะห์ วิจารณ์ดังกล่าวข้างต้น เป็นการคาดการณ์ผิด แท้ที่จริงแล้วถ้ารัฐบาลมีจิตสำนึก ซื่อสัตย์ต่อการรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งที่ผ่านมา คนไทยก็จะได้ รธน.ใหม่ กติกาใหม่ด้วยมือประชาชนเพื่อใช้ในการเลือกตั้งทั่วไปคราวหน้าอย่างทันการณ์ก่อนรัฐบาลหมดวาระอย่างแน่นอน