นายพิชชาวุธ เหล่าศิริวิจิตร ทีมไทยสร้างไทย จ.หนองคาย กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดหนองคายว่า เข้าสู่การเกิด สถานการณ์น้ำโขงล้นตลิ่งเป็นวันที่ 4 ปริมาณน้ำกระจายท่วมในหลายพื้นที่โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจใจกลางเมืองหนองคาย ทำให้ร้านค้าถูกน้ำท่วม ไม่สามารถซื้อขายสินค้าต่างๆได้ ต้องสูญเสียรายได้มหาศาล ยังไม่นับรวมอำเภออื่นๆที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเชื่อว่าตัวเลขความเสียหายอาจสูงกว่าที่รัฐคาดการณ์ไว้
.
นายพิชชาวุธ กล่าวด้วยว่า ในฐานะคณะทำงานที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัย ของพรรคไทยสร้างไทย เห็นว่ารัฐบาลต้องเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อกำหนดมาตรการในการช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชน และจากการติดตามสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวมเชื่อว่า มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากภัยพิบัติน้ำท่วมไม่น้อยกว่า 12 จังหวัด 39 อำเภอ มี ประชาชนเดือดร้อนกว่า 30,000 ครัวเรือน และยังมีอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงพื้นที่อีสานต่อเนื่องจากจังหวัดหนองคาย จะได้รับผลกระทบ จากปริมาณของมวลน้ำโขงล้นตลิ่งเพิ่มเติม
.
” ความเสียหายที่เกิดกับทรัพย์สินอุปกรณ์ทำมาหากินในการค้าขาย จะช่วยฟื้นฟูและดูแล เยียวยาอย่างไร รัฐจะประเมินความเสียหายอย่างไรให้เกิดความเหมาะสม เพราะกว่าจะกลับมาทำมาหากินได้ต้องใช้เวลา การประเมินความเสียหาย ด้วยการจ่ายเป็นตัวเงินอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ บางรายกู้เงินได้บางรายกู้เงินไม่ได้ขณะที่บางคนเพิ่งลืมตาอ้าปากได้ ก็ต้องมาหมดเนื้อหมดตัว เพราะพิบัติภัย หลังจากนี้รัฐต้องโฟกัสไปที่ความรู้สึกของผู้ประสบภัยที่เกิดความเครียดด้วย อาจมีคนคิดสั้นเพราะหาทางออกไม่ได้ ” นายพิชชาวุธ กล่าว
.
ขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แจ้งเตือนประชาชน ด้วยข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ ทั้งในส่วนของออนไลน์และออฟไลน์ เนื่องจากทุกคนไม่ได้มีสมาร์ทโฟนที่รับข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะผลกระทบและความเสียหายจากมวลน้ำ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายที่เกิดกับพี่น้องประชาชน ลดความสูญเสียทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินลงได้