คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงชัยชนะของโดนัลด์ทรัมป์ ในการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้กลับเข้าสู่รั้วทำเนียบขาวอีกครั้ง โดยจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งวันที่ 20 มกราคม 2568 เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 47 แน่นอนว่าจะสร้างผลกระทบทางการเมือง และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะระเบียบการค้าของโลก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยเห็นว่า ทรัมป์ 2.0 ไทยจะต้องเผชิญกับความเสี่ยง อย่างน้อย3 ประการคือ
.
1) ความเสี่ยงแรก การขึ้นภาษีสินค้าจากประเทศไทย โดยประธานาธิบดีทรัมป์ในฐานะผู้นำคนใหม่ของสหรัฐ ได้ประกาศไปก่อนหน้าว่า นอกจากประเทศจีน เม็กซิโก แคนนาดา เขายังมีแผนที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศ อื่นๆอีก 10-20% ที่สหรัฐขาดดุล ดังนั้นไทยอาจตกอยู่ในกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าว สหรัฐยังคงเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1ของไทย มีสัดส่วนถึง 18.05% ของการส่งออกทั้งหมด
ซึ่งในปี 2566 ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐมูลค่า 1,005,418 ล้านบาท และประเทศไทยก็เกินดุลการค้ากับสหรัฐมาโดยตลอดไทยจึงเสี่ยงที่จะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น
.
ดังนั้นการจะตัดสินใจขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยหรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาลสหรัฐฯ และการเจรจาทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศ จึงขอตั้งคำถามไปยังนายกฯ และรัฐบาลไทยว่าได้เตรียมการอย่างไร จะเจรจากับสหรัฐฯเพื่อไม่ให้สินค้าไทยต้องเสียภาษีสูงขึ้นในการส่งสินค้าเข้าไปขายในสหรัฐอเมริกาอย่างไร ที่ไทยจะไม่เสียเปรียบ
.
2) ความเสี่ยงประการที่สอง คือประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะกีดกันสินค้าจากจีน โดยคาดการณ์ว่าอาจเตรียมขึ้นภาษี20%ถึง 60% ดังนั้น เมื่อสินค้าจากจีนเข้าไปขายในสหรัฐไม่ได้ แต่กำลังการผลิตจีนเหลือ จึงต้องการหาที่ระบายสินค้าออกต่างประเทศดังนั้นไทยจึงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญปัญหา 2 เด้งคือ
สินค้าจีนจะทะลักเข้ามาเพิ่มขึ้น และสินค้าไทยจะเข้าไปขายในจีนก็ยากขึ้นด้วย
.
รัฐบาลไทย จะมีมาตรการอย่างไรในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมสินค้านำเข้า ให้เป็นไปตามกฏหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการไทยต้องเสียเปรียบ รวมทั้งต้องเร่งเตรียมพร้อม ให้ผู้ประกอบการไทย ทั้งเรื่องเงินทุน เทคโนโลยี ความรู้ที่ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าอะไรคือจุดแข็งของสินค้าไทยที่จะไปบุกตลาดจีน ที่มีประชากรถึง 1,400 ล้านคนได้ รัฐบาลต้องพลิกวิกฤตินี้ให้เป็นโอกาสของสินค้าไทยในการบุกตลาดทั้งของจีนและอเมริกา
.
3) ความเสี่ยงประการที่สาม ตลาดโลกจะหดตัวลงจากมาตรการสงครามการค้าของสหรัฐ กระทบต่อเศรษฐกิจโลก ผนวกกับสงครามจริง เพราะฉะนั้นสินค้าไทยจะไปขายตลาดอื่นๆก็ไม่ง่าย รัฐบาลจะช่วยผู้ส่งออกไทยส่งสินค้าไปขยายตลาดใหม่ๆอย่างไรบ้าง มีแผนและมาตรการแล้วหรือไม่
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังตั้งคำถามถึงผู้มีอำนาจว่า รัฐบาลมีความพร้อมเพียงใด ขอให้รัฐบาลใส่ใจ ปัญหาที่กำลังจะมาถึงเหล่านี้อย่างจริงจัง และเร่งหามาตรการรับมือผลกระทบจากปรากฏการณ์ทรัมป์ 2.0 ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างจริงจัง เพราะเรื่องเหล่านี้จำเป็นต้อง เตรียมการล่วงหน้า หากขาดความพร้อม ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ประกอบกับเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ไม่ได้ผลปี 2568 ก็อาจจะกลายเป็นปีที่ประเทศไทย พี่น้องคนไทย ต้องเผชิญกับความผันผวนและวิกฤตทางเศรษฐกิจที่หนักหน่วงที่สุดอีกครั้ง