นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ตั้งฉายารัฐบาลเพื่อไทยว่า รัฐบาลสัญญาขี้โม้ โดยให้เหตุผลว่า เป็นรัฐบาลที่สัญญาเก่งเป็นอันดับต้นๆในประวัติศาสตร์ ทั้งพายุหมุนเศรษฐกิจ แก้ปัญหาความยากจน ผลักดันผู้ประกอบการ sme มีที่ยืนในต่างประเทศ แต่พอถึงเวลาทำจริง มีแต่ลมปาก สิ่งที่ทำได้แค่เอาหน้ารอดกลับเอามาโปรโมทใหญ่โต เช่นการขึ้นค่าแรง 400 บาท จากที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีก พอมาถึงปลายปี สถานการณ์จวนตัว ก็สามารถผลักดันได้แค่ 3 จังหวัด
ทั้งที่จริงๆแล้วตอนหาเสียง หลายฝ่ายก็ติติงว่า การขึ้นค่าแรงเป็นการทำงานของไตรภาคี และเศรษฐกิจต้องดี sme ถึงมีแรงที่จะปรับค่าแรงให้แรงงานได้ แต่ศักยภาพรัฐบาลเพื่อไทยที่ผ่านมาปีกว่าก็เห็นแล้วว่าศักยภาพต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่โฆษณาโปรโมทราวกับรัฐบาลสภาพแบบนี้สั่งซ้ายหันขวาหันได้
นายปริเยศ ให้ความเห็นถึงการแจกเงินหมื่นเฟสสองของรัฐบาลด้วยว่า ตนเองไม่ได้แปลกใจที่มีการแจกเงินรอบนี้ เพราะจุดเริ่มต้นของนโยบายนี้มันผิดไปจากที่โม้ไว้ ไกลมากแล้ว ทั้งกู้มาแจก ทั้งกระเป๋าเงินดิจิตอล ส่วนพายุหมุนทางเศรษฐกิจที่พูดไว้ 3 รอบ 4 รอบ ตัวเลขจริงแค่ประมาณ 0.3% สำนักงานเศรษฐกิจการคลังก็แสดงข้อมูลให้ ครม.ได้เห็นอยู่ในรายงาน
ดังนั้นการเป็นหนี้นับแสนล้านครั้งนี้ อนาคตต้องมีคนรับผิดชอบ และตนเองขอตั้งข้อสังเกตไปยังการแจกเงินก่อนที่จะถึงการเลือกตั้ง อบจ.ไม่กี่วันว่า มันจะส่งผลหรือไม่อย่างไร เพราะพรรคเพื่อไทยเองก็ส่ง อบจ.ลงเลือกตั้งในหลายจังหวัด ดังนั้นการเลือกตั้งหากการสาดกระสุนปืนใหญ่มาแบบนี้ จะเป็นผลเลือกตั้งที่บริสุทธิยุติธรรมหรือไม่ กกต.เองก็ควรออกมาตอบคำถามเรื่องนี่ให้ชัดเจนด้วยเช่นกัน
