นายนพดล มังกรชัย รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และประธานคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า นับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 47 ก็ได้ประกาศผ่านสื่อโซเชียลออกมาในหลายโอกาสว่าเตรียมจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าทันทีหลังจากรับตำแหน่งวันแรก ได้แก่ สินค้าจากประเทศจีนเพิ่มกว่า 60% เม็กซิโกและแคนาดา 25% ซึ่งทั้ง 3 ประเทศนี้ เป็นผู้ค้าอันดับต้น ๆ ของสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้ปัญหาผู้อพยพและการค้ายาเสพติด นอกจากนี้สินค้านำเข้าจากประเทศอื่น ๆ ก็โดนด้วยเช่นกัน โดยจะเก็บในอัตรา 10-20% นโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของทรัมป์ ทำให้หลายประเทศกังวลว่าจะเกิดสงครามการค้ารอบใหม่ ซึ่งจะมีการกีดกันการค้าระหว่างประเทศ เหมือนในตอนปี 2561 สมัยที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีสงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจสหรัฐฯ และจีน อย่างเข้มข้น และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งในด้านการค้าขายระหว่างประเทศ และการแข่งขันกับสินค้าจีนที่จะไหลทะลักไปในหลายประเทศรวมทั้งไทย
.
รายงานของ ITIF เปิดเผยดัชนีการจัดอันดับความเสี่ยงของประเทศพันธมิตรสหรัฐฯ ที่อาจได้รับผลกระทบจากนโยบายขึ้นภาษีของทรัมป์ ปรากฏว่าไทยอยู่อันดับที่ 2 รองจากเม็กซิโก เนื่องจากไทยเข้าเกณฑ์ประเทศที่มีการค้าไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ หลายเรื่อง เช่น เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้เปรียบต้นทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ปี 2562 มากกว่า 5%
.
ภายใต้นโยบายภาษีสินค้านำเข้าของทรัมป์ การที่กำหนดภาษีนำเข้า 60% สำหรับสินค้าจีน จะทำให้การค้าระหว่างสองประเทศลดฮวบ บริษัทจีนจะเผชิญแรงกดดันหนักขึ้น เกิดการไหลออกของเงินทุน การย้ายฐานอุตสาหกรรม และบางบริษัทอาจย้ายมาไทย ทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตของจีน ภาวะสินค้าจีนทะลักเข้ามาในไทยและอาเซียนจะเพิ่มสูงขึ้นอันเนื่องมาจากปัญหากำลังการผลิตที่ล้นเกิน ส่งผลให้ไทยและอาเซียนกลายเป็นที่ระบายสินค้าจากจีน ซึ่งหากนโยบายตั้งกำแพงภาษีมีความรุนแรงขึ้น มีความเป็นไปได้สูงที่จีนจะปรับตัวโดยส่งออกไปยังตลาดอื่นทดแทนสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น และจะยิ่งเป็นแรงกดดันต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตไทยในระยะถัดไป
.
ปัญหาสินค้าจีนทะลักเข้ามาในไทยจะส่งผลลบต่อการผลิตและการส่งออก โดยคาดว่าภาคการผลิตของไทยจะถูกสินค้าจีนแย่งส่วนแบ่งตลาดในประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่พึ่งพาความต้องการในประเทศ อาทิ หมวดโลหะ รถยนต์นั่ง และเฟอร์นิเจอร์ นอกจากนั้น คาดว่าการส่งออกของไทยจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดอาเซียนให้จีนเพิ่มขึ้น โดยอาเซียนและไทยเสียดุลการค้าให้กับจีนอย่างต่อเนื่องและยังคงมีแนวโน้มขาดดุลเพิ่มขึ้น ประเมินว่าสินค้าที่ไทยมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับจีนเป็นอันดับต้น ๆ ได้แก่ หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า และหมวดเคมีภัณฑ์ สะท้อนจากสัดส่วนการส่งออกของไทยไปอาเซียนปรับลดลง ขณะที่การส่งออกของจีนไปอาเซียนกลับปรับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งนี้ สินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบเชิงลบจะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงจากการระบายสินค้าจีนมาไทยและอาเซียนมากขึ้น อาทิ ยานยนต์ เหล็กและเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ปีโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ทั้งนี้ หากผลกระทบรุนแรงขึ้นอาจนำไปสู่การลดการจ้างงานในบางอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่พึ่งพาการส่งออก หรือภาคการท่องเที่ยวของไทยอาจไม่ขยายตัวมากเท่าที่คาดไว้ ส่งผลให้การจ้างงานและรายได้ลดลง ซึ่งจะกดดันกำลังซื้อของครัวเรือนและการบริโภคในระยะต่อไป
.
ไทยสร้างไทย ขอเสนอให้รัฐบาลควรต้องเร่งเตรียมความพร้อมว่าจะมีกลุ่มธุรกิจไหนที่มีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบจากนโยบายขึ้นภาษีของทรัมป์บ้าง ส่วนในด้านการลงทุนก็ใช้กลไกจากโครงการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในไทยอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ไทยมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเพิ่มทักษะให้กับแรงงานจนมีรายได้สูงขึ้น รวมถึงยังสามารถส่งออกสินค้าที่ตลาดโลกต้องการได้มากขึ้น ซึ่งการดึงดูดนักลงทุนนั้นจะต้องทำอย่างเข้มข้นมากขึ้น เพราะเชื่อว่าหลายประเทศก็จะทำแบบนี้เช่นเดียวกันในช่วงที่ทั่วโลกปั่นป่วน ดังนั้น รัฐบาลต้องมีส่วนช่วยด้วยว่าจะทำอย่างไรให้นักลงทุนสนใจอยากเข้ามาลงทุนในประเทศไทยท่ามกลางตัวเลือกมากมายจากประเทศอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม หากจีนย้ายฐานการผลิตมาที่ไทย ก็ให้เตรียมใจไว้ด้วยว่า ไทยอาจจะโดนมาตรการกีดกันทางการค้าต่าง ๆ จากสหรัฐฯ ด้วย เช่น การถูกตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้า การเพิ่มสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบจากผู้ผลิตในประเทศ และการพิจารณาสัญชาติของบริษัท
.
ธุรกิจที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากสงครามการค้ารอบใหม่ คือ ธุรกิจ SMEs ไปจนถึงธุรกิจขนาดกลาง ซึ่งจะแข่งขันลำบากมากขึ้น คาดว่าในปี 2568 กิจการการผลิตของธุรกิจ SMEs อาจจะลดลงอีกเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน โดยธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงในด้านการแข่งขัน คือ อิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ เคมีภัณฑ์ โลหะ เหล็ก สินค้าแฟชั่น และสินค้าอุปโภคบริโภค ยังไม่นับรวมกรณีไทยหากถูกเจรจาต่อรองให้เปิดตลาดนำเข้าสินค้าบางรายการที่ไม่เคยเปิดมาก่อน เช่น ระบบโควตา โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตรของไทย เพื่อปกป้องสินค้าภายในประเทศ หากไทยถูกบังคับให้ต้องเปิดตลาดนำเข้าเพิ่มเติม ก็อาจกระทบสินค้าเกษตรมากขึ้น ซึ่งสินค้าเกษตรที่สหรัฐฯ ส่งออกไปทั่วโลก ได้แก่ ถั่วเหลือง ข้าวสาลี ข้าวสาร และเนื้อหมู
.
ไทยสร้างไทย ขอให้ข้อเสนอให้รัฐบาลเตรียมการรับมือกับความไม่แน่นอนของความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน ไทยในฐานะผู้เล่นในภูมิภาคอาเซียนที่ไม่เข้าข้างฝ่ายใดจะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการจัดการด้านความสัมพันธ์กับทั้งสหรัฐและจีน เพื่อหลีกเลี่ยงการตกอยู่ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น ไทยสามารถเพิ่มบทบาทในเวทีโลกผ่านทางอาเซียน เพื่อส่งเสริมการค้าขายและการลงทุนในภูมิภาค รวมทั้งใช้ความเข้มแข็งของอาเซียนดึงดูดการลงทุนต่างชาติ (FDI) ขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงอุปสรรคทางการค้าที่เกิดจากสหรัฐ โดยการใช้อาเซียนเพิ่มอำนาจต่อรอง นอกจากนี้ ไทยสามารถร่วมมือกับอาเซียนในการสกัดสินค้านำเข้าราคาถูกจากจีนที่คุณภาพไม่ได้มาตรฐานหรือมีจุดประสงค์ในการทุ่มตลาด จนกระทบ SMEs และทำให้ภาคการผลิตของไทยอ่อนแอลง