19 มีนาคม 2567 – พรรคไทยสร้างไทยแถลงข่าวเปิดโปงปัญหาความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างของกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยพบว่า การจัดซื้อพัดลมไอเย็นและพัดลมขนาดใหญ่ใน 4 เขตของ กทม. มีราคาสูงผิดปกติ อาจเข้าข่ายการทุจริต นอกจากนี้ยังพบ พฤติกรรมส่อล็อกสเปคการประมูลจัดซื้อถังขยะ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบางบริษัท โดยพรรคไทยสร้างไทยเรียกร้องให้ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และผู้อำนวยการเขตที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจง พร้อมตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการใช้งบประมาณของ กทม.
.
นายภัชริ นิจสิริภัช เหรัญญิกพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่า พัดลมไอเย็นที่จัดซื้อมีราคาเครื่องละ 49,700 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดอย่างมาก และทุกเขตมีการจัดซื้อจำนวนเท่ากัน เป็นร้อยตัว ใช้งบหลายล้านบาท ซึ่งเป็นลักษณะที่ผิดปกติ อาจเข้าข่าย การกำหนดสเปคสินค้าเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง
.
“เราได้ลองเปรียบเทียบราคาพัดลมไอเย็นขนาดเดียวกันในท้องตลาด พบว่ามีราคาต่ำกว่าที่ กทม. จัดซื้อเกือบ 2-3 เท่าตัว ซึ่งเป็นคำถามสำคัญว่าทำไมหน่วยงานภาครัฐถึงใช้งบประมาณแบบนี้ มีความจำเป็นเร่งด่วนอย่างไรถึงจัดซื้อโดยวิธีพิเศษและมีการตรวจสอบราคากลางก่อนการจัดซื้อหรือไม่” นายภัชริกล่าว
.
นายภัชริ กล่าวด้วยว่า กรณีนี้สะท้อนถึงปัญหาการบริหารงบประมาณของ กทม. อย่างร้ายแรง เพราะโครงการดังกล่าวใช้ งบประมาณของประชาชน แต่กลับพบราคาสินค้าที่แพงผิดปกติ
.
“พัดลมไอเย็นที่ประชาชนสามารถหาซื้อได้ในท้องตลาด มีราคาต่ำกว่าที่ กทม. จัดซื้อหลายเท่าตัว นี่เป็นคำถามสำคัญว่า ทำไมหน่วยงานรัฐถึงใช้งบประมาณแบบนี้ และ เหตุใดจึงมีการซื้อในจำนวนเท่ากันทุกเขต ซึ่งเป็นรูปแบบที่ผิดปกติและอาจเป็นการจัดสรรงบประมาณที่ไม่โปร่งใส” นายภัชริกล่าว
ด้าน ดร.ธวัชชัย เปิดเผยว่า นอกจากกรณีการจัดซื้อพัดลมแล้ว พรรคไทยสร้างไทยยังได้รับข้อมูลว่า การประมูลจัดซื้อจัดจ้างถังขยะของ กทม. มีการล็อกสเปคเพื่อให้บางบริษัทได้งานทุกปี โดยพบว่า สเปคถังขยะที่ใช้ในการประมูลถูกกำหนดแบบเฉพาะเจาะจง ทำให้บริษัทอื่นไม่สามารถเข้าร่วมแข่งขันได้ ซึ่งเงื่อนไขในการประมูลถูกกำหนดให้เข้ากับผู้ผลิตเพียงไม่กี่ราย ทำให้เกิดการผูกขาด และเป็นเหตุให้ราคาถังขยะสูงกว่าปกติ
.
“ปกติแล้ว ถังขยะพลาสติกขนาด 240 ลิตร ที่ใช้กันทั่วไปมีราคาประมาณ 800 บาทไปจนถึงพันกว่า แต่จากการตรวจสอบพบว่า กทม. มีการจัดซื้อถังขยะในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด โดยในบางปีราคาพุ่งสูงถึง 2,000 บาทต่อใบ ซึ่งผิดปกติอย่างมาก” ดร.ธวัชชัยกล่าว
.
พรรคไทยสร้างไทย ขอตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมการจัดซื้อถังขยะของ กทม. มักจะวนเวียนอยู่ในบริษัทเดิมทุกปี และมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า มีการกำหนดสเปคสินค้าให้ตรงกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง เพื่อปิดกั้นการแข่งขัน
.
จากปัญหาที่เกิดขึ้น พรรคไทยสร้างไทยเรียกร้องให้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ออกมาชี้แจงถึงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของกรุงเทพมหานครว่าเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ พร้อมทั้งให้ ผู้อำนวยการเขตบึงกุ่ม, สะพานสูง, คันนายาว และบางกะปิ ซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการจัดซื้อพัดลม เปิดเผยรายละเอียดการจัดซื้อให้ประชาชนได้รับทราบ
.
ขณะเดียวกันขอให้ สภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ตรวจสอบว่าราคาพัดลมและถังขยะที่จัดซื้อมีความสมเหตุสมผลหรือไม่ มีการเปรียบเทียบราคาตลาดก่อนการอนุมัติจัดซื้อหรือไม่ และมีบริษัทใดบ้างที่เข้าร่วมประมูล และเหตุใดจึงมีการใช้บริษัทเดิมซ้ำๆ ทุกปี
.
พรรคไทยสร้างไทยเน้นย้ำว่า งบประมาณของ กทม. ในแต่ละปีมีมูลค่ามหาศาลกว่า 80,000-90,000 ล้านบาท ซึ่งควรถูกใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ไม่ใช่กลายเป็นช่องทางให้เกิดการ ทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง
.
การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นหนึ่งในช่องโหว่ที่มักถูกใช้ในการ แสวงหาผลประโยชน์ จากเงินภาษีของประชาชน เราจึงขอให้ ประชาชนร่วมกันจับตาและเรียกร้องให้เกิดการตรวจสอบอย่างจริงจัง
.
พรรคไทยสร้างไทยขอยืนยันว่า หากพบว่ามีการทุจริตจริง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการเอาผิดกับผู้รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือบริษัทเอกชน ที่อาจสมยอมกันเพื่อเอื้อประโยชน์ และสำหรับกรณีที่พรรคไทยสร้างไทยตรวจสอบพบว่ามีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างที่ส่อว่าจะทุจริตนั้น ถือเป็นบททดสอบสำคัญของผู้ว่าฯ กทม. ว่าจะสามารถจัดกับปัญหาคอร์รัปชันในระบบราชการ และสร้างความโปร่งใสให้กับประชาชนได้หรือไม่