คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กังวลท่าทีของรัฐบาลแพทองธาร ที่เร่งรัดผลักดันกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร โดยชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติในกระบวนการพิจารณา ซึ่งรัฐบาลชุดนี้เลือกที่จะเลี่ยงการนำร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่กลับเดินหน้าเต็มสูบหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็นำเข้าอนุมัติใน
ครม.ทันที รวมทั้งรีบลงไปดูพื้นที่ ก่อสร้าง Entertainment Complex ที่จังหวัดภูเก็ตถึงสองครั้ง และกำลังจะนำเข้าสภาในสัปดาห์นี้ ดูเร่งรีบเกินเหตุ
.
ถือเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับปัญหาของประเทศที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่ และควรให้ความสำคัญมากกว่าการทำบ่อน
.
โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ
การส่งออก หลังประธานาธิบดีทรัมท์ ประกาศว่าวันนี้ วันที่ 2 เมษายน เป็นวัน Liberation Day หรือ“วันปลดแอกสหรัฐอเมริกา” โดยจะขึ้นภาษีนำเข้ากับ 15 ประเทศที่ได้ดุลการค้าจากสหรัฐ โดยเรียกว่ากลุ่ม Dirty 15 ซึ่งไทยติดอันดับที่ 10 ที่ได้ดุลการค้าสหรัฐฯสูงถึง 46,000 ล้านดอลลาร์ แต่ยังไม่เห็นการดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังจากนายกอุ๋งอิ๋ง เพียงแค่ตั้งปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหน้าทีมในการแก้ไขปัญหาเท่านั้น
.
ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลควรจะ เตรียมพร้อมตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมท์ประกาศ
นายกควรตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยควร มอบรองนายกฯ หนึ่งคนเป็นประธานดูแลเรื่องนี้โดยตรง
อย่างเช่นที่ประเทศอินเดียและเวียดนามได้ดำเนินการแล้ว
.
คุณหญิงสุดารัตน์ ยกตัวอย่างว่า หากสหรัฐขึ้นภาษีสัก 10% เราจะกระทบอย่างมาก เพราะเรามีมูลค่าส่งออกในปี 2568 คาดว่าประมาณ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งหากขึ้นภาษี 10% ความเสียหายก็อาจไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาทแน่นอน
.
รวมถึงจะกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของไทย ขณะที่อินเดียและเวียดนามเร่งเจรจากับสหรัฐฯแล้ว แต่รัฐบาลแพทองธาร กลับไม่มีความเคลื่อนไหว เหมือนปล่อยให้ผู้ประกอบการไทยเผชิญปัญหาเพียงลำพัง ทำให้การส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ อยู่บนความเสี่ยง ในขณะที่ต้นทุนของผู้ประกอบการต้องเพิ่มขึ้น จากกำแพงภาษี ซึ่งจะกระทบเศรษฐกิจโดยตรง รวมทั้งความสามารถในการแข่งขันของไทยบนเวทีโลกจะลดลง
.
คุณหญิงสุดารัตน์ เชื่อว่านักธุรกิจผู้ส่งออกส่วนใหญ่อยากเห็นรัฐบาล ผู้นำรัฐบาล นายกฯ”อุ๊งอิ๊ง” นำเรื่องที่สหรัฐจะดำเนินการมาตรการทางภาษีกับไทยมาปรึกษาหารือในสภาถกแถลงกัน เพื่อหามาตรการรับมือในสัปดาห์นี้ แทนการเร่งผลักดัน Entertainment Complex ที่เต็มไปด้วยข้อกังขาในเรื่อง ทุจริตเชิงนโยบาย
.
ที่จะพาเยาวชนไทย และผู้มีรายได้น้อย ให้กลายเป็น“ผีพนัน”ประเทศเสี่ยงเป็นศูนย์กลางฟอกเงิน-อบายมุข-อาชญากรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกอำนาจในการตัดสินเรื่องสำคัญทั้งหมดให้กับ“ซุปเปอร์บอร์ด” ปูทางเอื้อทุนพวกพ้อง
.
“ดิฉันขอวิงวอนนายก หยุดเดินหน้านำพาประเทศไทยให้กลายเป็น ศูนย์กลางอบายมุข ทันที”