นายภัชริ นิจสิริภัช เหรัญญิกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาระบุว่ารัฐบาลเดินหน้าผลักดันร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อหารายได้เข้าประเทศนั้น แม้จะมีการประเมินว่าอาจสร้างรายได้เข้ารัฐก็จริง แต่ไม่อาจเทียบกับความเสียหายทางสังคมได้ และถือเป็นคนละเรื่องที่จะถือโอกาสนี้นำมาเป็นข้ออ้างในการชดเชยความเสียหายจากมาตรการด้านภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยสูงถึง 37%
.
“รายได้จากกาสิโนเทียบกับรายได้จากการส่งออกที่ไทยได้ดุลการค้าสหรัฐมีมากถึงปีละ 1.5 ล้านล้านบาท ไม่ติดฝุ่นด้วยซ้ำ รัฐบาลกำลังเสี่ยงเอาเศรษฐกิจทั้งประเทศไปแลกกับผลประโยชน์เล็กๆ ของกลุ่มทุนบางกลุ่ม โดยไม่สนใจว่าการเสียตลาดสหรัฐจะทำให้ GDP หายไปถึง 10-15% นี่ไม่ใช่แค่ตัวเลขในกระดาษ แต่มันคือปากท้องของประชาชนทั้งประเทศ” นายภัชริ ระบุ
.
นายภัชริ ยังเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ส่งสัญญาณให้ชัดเจนไปยังรัฐสภา ก่อนมีการพิจารณาร่างกฎหมายกาสิโนวาระแรกในวันที่ 9 เมษายนนี้ว่า ต้องให้สภาพูดถึงการเปิดให้มีการพูดคุยเรื่องการทำประชามติอย่างจริงจัง พร้อมย้ำว่า เรื่องนี้กระทบต่อวิถีชีวิต สังคม และอาจเป็นช่องทางให้อาชญากรรมทางเศรษฐกิจขยายตัว จึงไม่อาจปล่อยให้รัฐสภาใช้เสียงข้างมากผลักดันกฎหมายสำคัญนี้ได้โดยลำพัง
.
“อย่าคิดจะรวบรัด เร่งรัดออกกฎหมายที่มีนัยยะซ่อนเร้น จนกลายเป็น ‘กาสิโนสุดซอย’ เพราะสุดท้ายจะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ ไม่ต่างจากกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยในอดีต ที่ไม่ฟังเสียงประชาชน ใช้เสียงข้างมากลากไป ประเทศนี้เคยเจ็บมาแล้ว นายกรัฐมนตรีต้องตอบให้ได้ว่า อยากเห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้นอีกจริงๆหรือไม่” นายภัชริ กล่าว
.
นายภัชริ กล่าวในตอนท้ายว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่าที่นายกรัฐมนตรีควรใช้ดุลพินิจหยิบยกขึ้นมาเป็นวาระสำคัญของประเทศอย่างจริงจัง ไม่ใช่ไปหมกมุ่นอยู่กับการผลักดันกฎหมายเปิดบ่อน ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ยังเสี่ยงจะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งทางการเมืองรอบใหม่ในสังคมไทยอีกด้วย