นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังเดินหน้าแผนการกู้เงินครั้งใหญ่ แม้จะมีรัฐมนตรีออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว โดยอาจต้องใช้เหตุผลอ้างถึงปัญหาเศรษฐกิจที่รุนแรงคล้ายช่วงวิกฤตโควิด-19 แต่ที่ประชาชนต้องจับตาคืออาจเป็นการแก้ปัญหาแบบไร้ทิศทาง และไม่สามารถสร้างผลลัพธ์เชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรมได้เพราะจากการกู้ยืมที่ผ่านมาประชาชนเห็นผลงานชัดเจนว่าไร้ประสิทธิภาพ ใช้เงินแบบไม่ฟังคำทัดทานผู้มีความรู้ทางเศรษฐกิจ และนักวิชาการต่างๆ พรรคจึงเชื่อว่ารัฐบาลกำลังประสบปัญหา “ถังแตก” อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อมีสัญญาณจากกระทรวงการคลังที่บ่งบอกถึงความจำเป็นในการระดมทุนเพิ่มเติม เพื่อไปใช้กับการแก้ปัญหาต่างๆ แต่ตนเชื่อว่าอาจเลือกนำไปใช้กับโครงการเดิมๆเช่น โครงการแจกเงิน การก่อสร้างอาคาร ถนนและโครงการประชานิยมต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นการซื้อความนิยม มากกว่าการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
.
นายปริเยศยังเปิดเผยอีกว่า มีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะใช้งบกลางกระจายไปยังแต่ละกระทรวง เพื่อสยบความขัดแย้งภายในพรรคร่วม โดยอ้างสถานการณ์เศรษฐกิจและการเติบโตต่ำเป็นเหตุผลรองรับ ทั้งนี้ พรรคไทยสร้างไทยขอตั้งคำถามต่อรัฐบาลว่า การกู้เงินครั้งใหม่นี้ มีเป้าหมายเพื่อ “แจกเงิน” หรือเพื่อดำเนินโครงการที่ “ผลาญงบประมาณ” แบบเดิมอีกครั้งหรือไม่ เพราะหากไม่ตอบให้ชัดเจน ประชาชนย่อมเกิดความไม่ไว้วางใจว่าจะเอาเงินกู้ไปทำอะไร อาจทำให้ประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้านได้ทุกเมื่อ
.
นอกจากนี้ โฆษกพรรคไทยสร้างไทยได้ยกตัวอย่างเช่นกรณีกาสิโน ที่พรรคยังแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงต่อร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร โดยอธิบายเหตุผลว่า กฏหมายแบบนี้จะเป็นช่องทางเปิดทางให้กับกิจการกาสิโนและพนันออนไลน์แฝงตัวเข้ามาในระบบกฎหมาย โดยระบุว่า กฎหมายฉบับนี้มีช่องโหว่มากมายและอาจเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนบางกลุ่มอย่างไม่โปร่งใส อีกทั้งยังย้ำว่า การผลักดันกฎหมายลักษณะนี้ในช่วงที่ประชาชนกำลังเผชิญความยากลำบาก ยิ่งทำให้รัฐบาลชุดนี้สูญเสียความชอบธรรม และสร้างความเคลือบแคลงใจถึงความสุจริตใจในการทำนโยบายของประเทศที่ควรมีตลอดสองปีที่ผ่านมา จึงควรถอนออกจากสภาไปก่อน เพราะไม่เช่นนั้นประชาชนจะไม่ไว้วางใจมากขึ้นเรื่อยๆ การจะทำโครงการอะไร หรือจะกู้เงินแก้ไขปัญหาประเทศก็จะยิ่งทำได้ยากขึ้น เพราะคนตั้งคำถามกับความชอบธรรมของรัฐบาลนี้มาแต่ต้น
.
“แม้ขณะนี้ประเทศไทยมีความจำเป็นเร่งด่วนในการใช้งบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และอาจต้องพิจารณาเรื่องการกู้เงินเพิ่ม แต่หากรัฐบาลยังดำเนินนโยบายแบบล่อแหลม เอื้อกลุ่มทุน หรือขาดความโปร่งใส การกู้เงินก็จะกลายเป็นภาระซ้ำเติมประเทศในระยะยาว พรรคไทยสร้างไทยเคยเตือนหลายครั้งว่าการกู้เงินเพื่อนำไปแจกแบบไร้เป้าหมายชัดเจน เป็นนโยบายที่มีความเสี่ยงสูง และสุดท้ายก็พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิด “พายุหมุน” ทางเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลเคยกล่าวอ้าง ” นายปริเยศกล่าว
.
โฆษกพรรคไทยสร้างไทยทิ้งท้ายว่า จากนี้พรรคจะจับตาการใช้งบกลางของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด และจะใช้ทั้งเวทีสภาและเวทีสาธารณะเป็นช่องทางในการตรวจสอบ พร้อมนำข้อมูลไปพูดคุยกับประชาชน เพื่อให้สังคมรับรู้ว่า รัฐบาลใช้เงินของประเทศไปในทิศทางใด และจะยืนหยัดทำหน้าที่แทนประชาชนที่กำลังตั้งคำถามต่อศักยภาพและความน่าเชื่อถือของรัฐบาลอย่างเข้มข้นต่อไป