นายภัชริ นิจสิริภัช เหรัญญิกพรรคไทยสร้างไทยกล่าวถึงเศรษฐกิจของไทยที่ชะลอตัว เครื่องยนต์สำคัญทางเศรษฐกิจ เช่นการส่งออกกลับมาติดลบ จนมีการกล่าวโทษโยนความผิดกันเกิดขึ้นนั้น ตนมองว่าคนที่เป็นอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย แต่คือตัวนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ยังมือไม่ถึงด้านเศรษฐกิจ คำประกาศหรือนโยบาย ที่ได้หาเสียงและแถลงไว้ต่อรัฐสภาไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ให้คนไทย
.
ตั้งแต่นายเศรษฐา เข้ามาเป็นผู้นำรัฐบาล ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคมีแต่ขึ้นราคา ของกินของใช้แพง ค่าครองชีพสูงเกินรายได้ จนหนี้ครัวเรือนสูงสุดในประวัติการ สัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยสิ้นปี 2567 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแตะระดับ 91.4% ต่อ GDP ซึ่งถือว่าโตเร็วสุดในรอบทศวรรษ สาเหตุสำคัญเพราะราคาพลังงานสูงทั้งน้ำมันและไฟฟ้า ที่รัฐบาลไม่กล้าแตะทุนผูกขาด ปล่อยให้ขูดรีดประชาชน
.
ทั้งยังไม่สามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศได้ ไม่ดูแลสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศ โดยเฉพาะSMEs ขนาดเล็ก ซึ่งได้รับแรงกดดันจากต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น จนเกิดภาวะหนี้ในระบบกระทบกับธุรกิจ หากผู้ประกอบการรายใดทุนน้อย ก็จะไม่สามารถแข่งขันต่อไปได้และต้องยุติกิจการในที่สุด
.
ขณะที่ภาคครัวเรือนยังมีความเปราะบาง จากรายได้ที่ฟื้นตัวช้า ส่งออกทรุด ทำรายได้หดตัว หรือพูดง่ายๆคือหาเงินไม่เป็น เก่งแต่กู้ และกำลังจะกู้มาแจกอีก 500,000 ล้าน ซึ่งคนไทยจะต้องร่วมกันใช้หนี้ชั่วลูก ชั่วหลาน ที่สำคัญอาจทำให้สถานะทางการคลังของประเทศเกิดปัญหา เนื่องจากต้องใช้เงินกู้จากงบประมาณถึง 2 ปีงบประมาณรวมถึงการกู้จากธ.ก.ส.เพื่อมาดำเนินโครงการ ซึ่งหมายความว่า งบประมาณที่จะถูกนำมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในด้านต่างๆต้องหดหายไปด้วย
.
จึงขอถามพี่น้องประชาชนว่า ระหว่างผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กับนายเศรษฐา ประชาชนอยากให้ใคควรลาออกมากกว่ากัน